
ก.ล.ต.เปิดเฮียริ่งเกณฑ์โฆษณา “ฟินฟลูเอนเซอร์” หวังคุมเข้มข้อมูลลงทุนยุคดิจิทัล
ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นปรับปรุงหลักเกณฑ์การโฆษณาของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสื่อดิจิทัลและบทบาทฟินฟลูเอนเซอร์ที่เพิ่มขึ้น พร้อมเพิ่มมาตรการคัดเลือก ควบคุม และเปิดเผยข้อมูลให้โปร่งใส
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการโฆษณาของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อให้การกำกับดูแลมีความครอบคลุม เหมาะสม และสอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิทัล
โดย ก.ล.ต. ระบุว่า ปัจจุบันสื่อดิจิทัลเป็นช่องทางหลักที่ประชาชนใช้เข้าถึงข้อมูลทางการเงิน ขณะเดียวกัน “ฟินฟลูเอนเซอร์” (Finfluencer) มีบทบาทมากขึ้นในการเผยแพร่ความรู้และให้มุมมองด้านการลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ลงทุนรายย่อย ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่หลากหลาย แม้ช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าถึงข้อมูลได้กว้างขวาง แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงด้านความถูกต้อง ความโปร่งใส และการให้คำแนะนำโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ช่องว่างในการกำกับดูแล (Gap Analysis) ก.ล.ต. พบว่าหลักเกณฑ์ปัจจุบันยังมีข้อจำกัดในการควบคุมรูปแบบการโฆษณาที่เปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมผู้ลงทุน จึงได้เสนอปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแล โดยกำหนดหน้าที่เพิ่มเติมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ ดังนี้
1.การคัดเลือกผู้จัดทำโฆษณา – ต้องมีหลักเกณฑ์และกระบวนการคัดเลือกผู้จัดทำโฆษณาที่มีความพร้อมและน่าเชื่อถือ
2.การจัดทำข้อตกลงระหว่างคู่สัญญา – ผู้ประกอบธุรกิจต้องมีข้อตกลงชัดเจนกับผู้จัดทำโฆษณา เพื่อให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดได้ครบถ้วน
3.การกำกับดูแลเนื้อหา – ต้องควบคุมและตรวจสอบเนื้อหาโฆษณาก่อนเผยแพร่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ รวมถึงดูแลให้ผู้จัดทำโฆษณาปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด
4.การเปิดเผยข้อมูล – ในกรณีที่โฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ต้องมีคำเตือนเพิ่มเติมในส่วนคำอธิบายหรือคำบรรยายใต้โพสต์ และหากเป็นโฆษณาที่ว่าจ้าง ต้องเปิดเผยให้ผู้ลงทุนทราบว่าเป็นเนื้อหาที่ได้รับการว่าจ้างจากผู้ประกอบธุรกิจ ยกเว้นกรณีที่เห็นได้ชัดว่าเป็นโฆษณา เช่น ป้ายหรือสปอตโฆษณา
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. และบนระบบกลางทางกฎหมาย law.go.th เพื่อเปิดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นได้ถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 ผ่านทางเว็บไซต์ หรือทางอีเมล [email protected] และ [email protected]