JAS ปิดฉากมหากาพย์ 17 ปี

มันจบแล้วครับนาย...กรณีคดีพิพาทระหว่าง JSTC บริษัทลูกของ JAS กับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT


สำนักข่าวรัชดา

มันจบแล้วครับนาย…กรณีคดีพิพาทระหว่างบริษัท จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (JSTC) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS กับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ที่ว่าด้วยเรื่องส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาร่วมลงทุนสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำ (ฝั่งตะวันออก) ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ NT ชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ JSTC รวมทั้งสิ้น 5,136.90 ล้านบาท

แต่ฉากสุดท้ายก่อนจบมีเหตุให้ตื่นเต้นนิดหน่อย หลังจาก NT ได้มีหนังสือถึง JSTC เพื่อขอขยายกรอบระยะเวลาการชำระเงิน จากเส้นตายภายในวันที่ 29 ก.ย. 2568 ออกไปเป็น 31 ต.ค. 2568…ซึ่ง JSTC ไม่ยอม ยังคงยืนกรานกรอบเวลาเดิม ทำให้ผู้ถือหุ้น JAS ใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ไม่น้อยว่า NT จะจ่ายหรือไม่จ่าย..??

ล่าสุด JAS แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า JSTC ได้รับชำระเงินจาก NT ตามคำสั่งศาลแล้ว โดย  NT ได้วางเงินจำนวน 5,066.31 ล้านบาท และหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายจำนวน 70.59 ล้านบาท ต่อสำนักงานศาลปกครองกลางเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา

เป็นการปิดฉากมหากาพย์ 17 ปี ระหว่าง JAS กับ NT เสียที..!!

ว่าไปแล้ว เงินก้อนนี้เป็นสิ่งที่ JAS ควรจะได้ตั้งแต่ 17 ปีที่แล้ว แต่ NT ยื้อไม่ยอมจ่าย เรื่องเลยถึงหูครูอังคณา…อุ๊ย ถึงมือศาล เกิดเป็นคดีความฟ้องร้องกัน…

งั้นย้อนไปดูที่มาที่ไปกันหน่อยดีกว่า ชนวนเหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2557 ซึ่ง JSTC ได้ยื่นเสนอข้อพิพาทตามสัญญาร่วมลงทุนสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำ ระหว่าง JSTC กับทีโอที หรือ NT ในปัจจุบัน ต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ เรียกร้องให้ทีโอทีชำระเงินส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาเป็นจำนวน 3,395 ล้านบาท

วันที่ 19 ส.ค. 2559 ทีโอทียื่นคำเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ เรียกร้องให้ JSTC คืนเงินส่วนแบ่งรายได้รับเกินตามสัญญาเดียวกัน และเรียกค่าเสียโอกาส เป็นจำนวนเงินประมาณ 9,931 ล้านบาท

จากนั้นเดือน พ.ค. 2562 อนุญาโตฯ ชี้้ขาดให้ทีโอทีชำระยอดคงค้างทั้งจำนวน 2,518 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยจำนวน 877 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 3,395 ล้านบาท ให้กับ JSTC และให้ JSTC ชำระค่าเสียหายแก่ทีโอทีเป็นจำนวนเงิน 16 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี

กระทั่งในวันที่่ 26 ก.ค. 2562 ทีโอทีได้ยื่่นคำร้องขอเพิกถอนคำชี้้ขาดของอนุญาโตฯ ต่อศาลปกครองกลาง

ต่อมาเมื่่อวันที่่ 15 ก.พ. 2566 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้บังคับตามคำชี้้ขาดของอนุญาโตฯ ให้ทีโอทีชำระยอดคงค้างจำนวน 3,395 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้้ย 7.5% ต่อปีของเงินต้นจำนวน 2,518 ล้านบาทนับแต่มีข้อพิพาท ซึ่งเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2566 ทีโอทีได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด

กระทั่งวันที่ 31 ก.ค. 2568 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ NT และเพิกถอนกระบวนการพิจารณาของ NT ทั้งหมด เป็นเหตุให้คดีถึงที่สุด ส่งผลให้ NT ต้องชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้น 5,128.28 ล้านบาท ให้แก่ JSTC นั่นเอง…

เรื่องคดีที่ยืดเยื้อมากว่า 17 ปี จบไปแล้ว…แต่ที่ไม่จบ คือ ยังไม่รู้ว่า JAS จะนำเงินก้อนนี้ไปทำอิหยัง..??

ซึ่งผู้บริหารวางไว้ 3 แนวทาง ได้แก่ 1) การจ่ายเงินปันผลพิเศษให้ผู้ถือหุ้น 2) กันเป็นเงินสดสำรองเพื่อเสริมความมั่นคง และ 3) ใช้ลงทุนธุรกิจใหม่หรือปรับโครงสร้างบุคลากร

แต่แนวทางที่น่าจับตามากสุด คงหนีไม่พ้นการปันผลพิเศษให้ผู้ถือหุ้นแหละ..!!
ซึ่งถ้าดูจากความจำเป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีพันธสัญญากับแบงก์พาณิชย์ใหญ่แห่งหนึ่งแล้ว ยิ่งตอกย้ำว่าน่าจะมีปันผลพิเศษนะจิบอกให้…

ส่วนจะปันผลเท่าไหร่..?? และเมื่อไหร่นั้น..?? ไม่รู้ ๆๆๆ

ลองไปถาม “เสี่ยพิชญ์ โพธารามิก” ดูสิ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button