แบงก์ ท่องเที่ยว และ DELTA

กลุ่มหุ้นที่ดันดัชนีขึ้นมาวานนี้ แยกออกมาได้เป็น 2 กลุ่ม กับอีก 1 หุ้น คือหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มท่องเที่ยว และหุ้นเดลต้าฯ หรือ DELTA


ลูบคมตลาดทุน: ธนะชัย ณ นคร

วานนี้ดัชนีหุ้นไทยปิดบวก 20.31 จุด มาที่ 1,286.69 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 46,484 ล้านบาท

กลุ่มหุ้นที่ดันดัชนีขึ้นมาวานนี้ แยกออกมาได้เป็น 2 กลุ่ม กับอีก 1 หุ้น

คือหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มท่องเที่ยว และหุ้นเดลต้าฯ หรือ DELTA

มาว่ากันเรื่องหุ้นเดลต้าฯ กันก่อน

เดลต้าฯ เพิ่งจะถูกขึ้น Trading Alert (ติดแคชบาลานซ์) จากตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีผลเมื่อวันศุกร์ที่ 10 ต.ค. 68 ส่งผลให้วันนั้นราคาหุ้นเดลต้าฯ ร่วง 18.00 บาท ปิด 179.50 บาท คิดเป็น -9.11%

ทว่า ราคาหุ้นปรับลงเพียงวันเดียว

เปิดมาวันอังคารที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา หุ้นเดลต้าฯ กลับมาตีปีกบวกขึ้นอีกครั้ง (ปิดบวกสวนดัชนีปิดลบ 20.60 จุด)

เช่นเดียวกับวานนี้ที่หุ้นเดลต้าฯ เดินหน้าต่อ ราคาบวกถึง 4.16% และมีผลต่อการดันดัชนีมากถึง 7.4 จุด จากดัชนีหุ้นไทยที่ปิดวานนี้ +20.31 จุด

ดูเหมือนว่า มาตรการ Trading Alert จะทำอะไรหุ้นเดลต้าฯ ไม่ได้

ราคากำลังทะยานขึ้นรอบใหม่อีกครั้ง

กลุ่มนักลงทุนที่เทรดหุ้นตัวนี้ ต่างขนเงินสดเข้ามาซื้อขายกันสนุกสนาน อย่างวานนี้มูลค่าซื้อขายรวมกว่า 1,976 ล้านบาท ใกล้เคียงกันวันก่อนหน้า (อังคาร) ที่มีมูลค่าซื้อขายราว ๆ 2 พันล้านบาท

มูลค่าซื้อขายเฉพาะหุ้นเดลต้าฯ หากเทียบกับในช่วง 10 วันก่อนที่จะถูกให้ซื้อขายด้วยบัญชีแคชบาลานซ์นั้น

จะพบว่า ตัวเลขยอดเทรดปรับลดลงไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง หรือมากกว่า 50% เล็กน้อย

แม้มูลค่าซื้อขายจะลดลงบ้าง แต่ก็ยังมีมูลค่า หรือเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุดอยู่ใน 5 อันดับแรกอยู่

ผ่านมาถึงตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเอาเดลต้าฯ ลงได้ นอกจาก “ลิฟต์” นั่นแหละ!!

มาดูหุ้นกลุ่มธนาคารกันบ้าง

กลุ่มแบงก์ เริ่มถูกนำมาซื้อขายคึกคักกันอีกครั้ง ซึ่งเป็นการเก็งกำไรก่อนที่จะประกาศงบฯ ไตรมาส 3/68 ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ และต้นสัปดาห์หน้า

หลังจากแจ้งงบการเงินของกลุ่มทิสโก้ TISCO ที่เปิดหัวออกมาเป็น บจ.แห่งแรก

มีการพบตัวเลขสำคัญทางการเงิน เช่น เงินกองทุนแข็งแกร่งขึ้น เอ็นพีแอลปรับลง

ทำให้เป็นเซนติเมนต์เชิงบวกกับหุ้นในกลุ่มแบงก์ จึงเกิดการเข้ามาเก็งกำไรกันนำโดย 4 แบงก์ขนาดใหญ่ KBANK BBL SCB และ KTB และตามด้วย TISCO

หุ้นแบงก์ หากใครที่เข้าออก หรือเทรดบ่อย ๆ

อาจจะพอจับทางได้ว่า เป็นหุ้น “เล่นรอบ”

ซื้อที่แนวรับ หรือให้ต่ำกว่าแนวรับเล็กน้อย และให้ขายที่แนวต้าน หรืออาจจะต่ำกว่าแนวต้านเล็กน้อย

และหุ้นแบงก์เมื่อซื้อแล้ว หากเป็นกรณีเล่นแบบเก็งกำไร ไม่ควรถือเกิน 2-3 วัน  หรือให้มากสุดคือ 4 วัน

เพราะหากเลยจำนวนวันมากกว่านี้ จะต้องเผชิญกับแรงขายทำกำไรกันออกมาแล้ว

เว้นแต่นักลงทุนที่จะซื้อถือยาว หรือเพื่อรับเงินปันผล แต่วิธีการซื้อถือยาว อาจจะต้องให้แบบ “ทยอยซื้อ” หรือค่อย ๆ เข้าทีละไม้ หรือไม่ก็ซื้อแบบ DCA ได้

การปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มแบงก์วานนี้

หุ้น 5 อันดับแรกที่มีส่วนสำคัญต่อการดันดัชนี มีหุ้นแบงก์ติดอันดับ 3 หุ้น

คือ KTB KBANK และ BBL  เฉลี่ยหุ้นละประมาณ 0.75-0.77 จุด

สุดท้ายมาที่หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวนำโดย บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT ปิดตลาดบวก 2.52% และมีส่วนสำคัญต่อการดันดัชนี 1.13 จุด

หุ้น AOT ปรับขึ้น น่าจะมาจาก 2 ปัจจัย

เริ่มจากการได้ “ผู้อำนวยการใหญ่” คนใหม่คือ “ปวีณา จริยฐิติพงศ์” ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม

และอีกปัจจัย คือเรื่องมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวของภาครัฐ โดยมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ และจะนำเข้า ครม.ชุดใหม่ สัปดาห์นี้ มีผลในช่วงปลายปี 2568

ส่งผลหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ทั้ง AOT และกลุ่มโรงแรม สายการบินวิ่งบวกกันคึกคัก

ส่วนแนวโน้มวันนี้และพรุ่งนี้ ต้องมาลุ้นกันว่า กลุ่มหุ้นที่พาดัชนีขึ้นมา จะยังสามารถพาไปต่อได้หรือไม่

ขณะที่ดัชนีเมื่อเข้าใกล้ หรือมาแตะที่ระดับ 1,300 จุด

มักจะถูกขายทำกำไรเกือบทุกครั้ง

Back to top button