
“ดาวโจนส์” ปิดบวก 218 จุด รับเงินไหลเข้า หลังทองคำรูดหลุด 4,200 เหรียญ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเมื่อคืนนี้ ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด ทำนิวไฮ จากแรงหนุนผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ โดยเฉพาะ GM และ 3M ที่รายงานกำไรเหนือคาด ขณะที่ราคาทองคำ ร่วงลงแรง 5.5% หลุดระดับ 4,120 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการปรับลงรายวันรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 จากแรงขายทำกำไรและการเคลื่อนย้ายเงินทุนสู่ตลาดหุ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ต.ค.68) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2568 (ตามเวลานิวยอร์ก) โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้นต่อเนื่อง แตะระดับสูงสุดใหม่ จากแรงหนุนผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ ขณะที่ S&P 500 ทรงตัว และ Nasdaq อ่อนตัวเล็กน้อย สะท้อนแรงซื้อขายที่ไม่ทั่วถึงในกลุ่มหุ้นหลัก
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 46,924.74 จุด เพิ่มขึ้น 218.16 จุด หรือ +0.47% ขณะที่ ดัชนี S&P 500 (.INX) ปิดที่ 6,735.35 จุด เพิ่มขึ้น 0.22 จุด หรือ +0.00% และ ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 22,953.67 จุด ลดลง 36.88 จุด หรือ –0.16%
แรงหนุนตลาดหลักมาจากหุ้น General Motors (GM) ที่พุ่งขึ้นกว่า 15% หลังรายงานกำไรไตรมาส 3 เหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ ขณะที่หุ้น 3M (MMM) และ Coca-Cola (KO) ต่างขยับบวก หนุนให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะเดียวกัน หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมการบินและอาวุธ เช่น RTX (RTX) และ Lockheed Martin (LMT) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ประจำปี สวนทางกับหุ้นเหมืองทอง Newmont (NEM) ที่ร่วงลงตามราคาทองคำในตลาดโลก
ทั้งนี้ ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) ร่วงลงแรง 5.5% สู่ระดับ 4,115.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 13:45 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ (17:45 GMT) ซึ่งเป็นการร่วงลงรายวันรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 ตามรายงานของ Reuters ขณะที่ สัญญาทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ส่งมอบเดือนธันวาคม ปิดตลาดลดลง 5.7% ที่ 4,109.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
การร่วงลงของราคาทองคำเกิดขึ้น หลังนักลงทุนเทขายทำกำไรจากการพุ่งแรงในช่วงก่อนหน้า และเคลื่อนย้ายเงินทุนไปสู่ตลาดหุ้นที่ได้แรงหนุนจากผลประกอบการแกร่งของบริษัทชั้นนำ
ด้านนักวิเคราะห์จากสำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) ระบุว่า แม้ผลประกอบการของหลายบริษัทจะออกมาดีกว่าคาด แต่ตลาดยังมีความกังวลเรื่องแนวโน้มกำไรในไตรมาสถัดไป ท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวชะลอลง และความไม่แน่นอนจากปัญหางบประมาณของรัฐบาลกลาง ซึ่งอาจกระทบต่อข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงต่อไป