
“เลขานายก” แจงมติครม. ไม่ได้ห้ามเอกชนจัดกิจกรรมรื่นเริง แค่ปรับรูปแบบเหมาะสมช่วงไว้อาลัย
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ชี้แจงมติครม.ไม่มีคำสั่งห้ามภาคเอกชนจัดกิจกรรมรื่นเริง ย้ำเพียงให้ปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับบรรยากาศแห่งการไว้อาลัย ภายหลังรับทราบประกาศสำนักพระราชวัง เรื่องการสวรรคตของสมเด็จพระพันปีหลวง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ต.ค.68) นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568 ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ได้มีมติให้ภาคเอกชนงดกิจกรรมรื่นเริงเป็นเวลา 30 วัน นั้น “ไม่เป็นความจริง”
นางสาวไตรศุลี ระบุว่า การประชุม ครม. ดังกล่าว เป็นการประชุมเพื่อรับทราบประกาศสำนักพระราชวัง เรื่องสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต และพิจารณาแนวทางการดำเนินการไว้ทุกข์ของส่วนราชการ โดยมีมติให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์มีกำหนด 1 ปี และให้สถานที่ราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในที่ประชุมและในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนและภาคเอกชน พิจารณาปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับบรรยากาศแห่งความอาลัย โดยมิได้มีคำสั่งห้ามหรือมติให้ระงับกิจกรรมใดเป็นการเฉพาะ
“รัฐบาลมีความเข้าใจว่าภาคธุรกิจบันเทิง การท่องเที่ยว และการบริการมีการวางแผนกิจกรรมล่วงหน้าไว้แล้ว จึงขอให้ใช้ดุลยพินิจ ปรับรูปแบบให้เหมาะสม และสมพระเกียรติ เพื่อแสดงออกถึงความเคารพและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีหลวง” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุ
นางสาวไตรศุลี กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำคือ การร่วมแสดงความอาลัยด้วยจิตสำนึกแห่งความรัก ความเคารพ และความสามัคคีของคนไทยทั้งชาติ โดยรัฐบาลไม่ได้มีเจตนาจะจำกัดเสรีภาพทางเศรษฐกิจหรือกิจกรรมทางสังคมของเอกชนแต่อย่างใด ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลจากแหล่งข่าวทางการของรัฐบาล และอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เพราะเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรีคือให้คนไทยทุกคนร่วมไว้อาลัยด้วยหัวใจ
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทย ร่วมตั้งจิตภาวนา แสดงความอาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ขอให้ดวงพระวิญญาณของพระองค์สถิตในสรวงสวรรค์ และทรงอภิบาลคุ้มครองพสกนิกรชาวไทยให้มีความผาสุกร่มเย็นภายใต้ร่มพระบารมีตลอดไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีขอเชิญชวนปวงชนชาวไทยร่วมถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ
นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีคำสั่งห้ามประชาชนหรือภาคเอกชนจัดกิจกรรมรื่นเริงแต่อย่างใด เพียงขอความร่วมมือให้ใช้ดุลยพินิจพิจารณาความเหมาะสม ปรับรูปแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับบรรยากาศแห่งการไว้อาลัย และเป็นไปตามขนบธรรมเนียมประเพณี เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจหรือภาระค่าใช้จ่ายต่อประชาชนและผู้ประกอบการ หากต้องยกเลิกกิจกรรมอย่างกะทันหัน
“งานมงคลหรืองานประเพณีต่าง ๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน หรือกิจกรรมชุมชน ยังสามารถจัดได้ตามปกติ เพียงให้ปรับรูปแบบและบรรยากาศให้เหมาะสมกับช่วงเวลาแห่งการอาลัย ซึ่งจากรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และได้แสดงออกถึงความเคารพต่อพระองค์ท่านด้วยวิธีที่สมพระเกียรติ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในห้วงเวลาแห่งความโศกเศร้านี้ ขอให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าน้อมจิตระลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และใช้พลังแห่งความรัก ความสามัคคี และความจงรักภักดีของชาวไทย ถวายเป็นกำลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะดำเนินการจัดงานพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติสูงสุด

