
SAWAD บวกแรง 4% คาดเก็งกำไรเข้า SET50 รอบใหม่ มีผล 1 ม.ค. 69
SAWAD บวกแรง 4% คาดเก็งกำไรเข้าคำนวณดัชนี SET50 รอบใหม่ มีผล 1 ม.ค. 69 “บล.กรุงศรี” ประเมินโอกาสเข้า 90% ชี้หุ้นที่ถูกคัดเข้าใหม่มักให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6–8% ล่วงหน้าก่อนประกาศจริง พร้อมแนะเก็งกำไรสั้นในหุ้นเข้าใหม่ SAWAD–ITC เลี่ยงหุ้นเสี่ยงถูกคัดออก VGI–BCP
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 พ.ย.68) ราคาหุ้นบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ณ เวลา 28.50 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 3.64% ราคาต่ำสุด 27.50 บาท ราคาสูงสุด 28.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 111.84 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมประกาศรายชื่อหุ้นที่ถูกคัดเลือก “เข้า-ออก” จากดัชนี SET50 และ SET100 สำหรับรอบครึ่งปีแรกของปี 2569 ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป โดยหุ้นเข้าและออกในรอบครึ่งแรกปี 2569 จะใช้ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 2567-30 พ.ย. 2568
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เผยว่า ผลการคำนวณรายชื่อหุ้นที่มีแนวโน้มจะถูกคัด “เข้า-ออก” ในดัชนีรอบใหม่ โดยใช้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2567-27 ต.ค. 2568 ซึ่งเหลือข้อมูลอีกประมาณ 1 เดือน ก่อนตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศอย่างเป็นทางการ โดยผลการคาดการณ์ SET50 มีความแม่นยำสูง เนื่องจากหุ้นส่วนใหญ่มีมูลค่าหลักทรัพย์และสภาพคล่องที่ชัดเจน แต่ในส่วนของ SET100 อาจมีความคลาดเคลื่อนบ้าง เพราะหุ้นในกลุ่มนี้มีการเปลี่ยนแปลงมูลค่าตลาดรวดเร็วกว่า
ทั้งนี้ การซื้อเก็งกำไรก่อนวันประกาศจริงมักเกิดขึ้นในช่วง 30-45 วัน ก่อนวันมีผลบังคับใช้ (Effective Date) โดยจากการศึกษาข้อมูลย้อนหลังพบว่า หุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดเข้า SET50 มักให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6-8% ล่วงหน้าก่อนประกาศจริง ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเก็งกำไรระยะสั้นที่น่าสนใจ
สำหรับหุ้นคาดจะถูกคัดเข้า SET50 ได้แก่ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD โอกาสเข้า 90%, บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC โอกาสเข้า 90% ส่วนหุ้นคาดจะหลุดจาก SET50 ได้แก่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI โอกาสหลุด 90%, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP โอกาสหลุด 90%
ขณะที่หุ้นคาดจะถูกคัดเข้า SET100 ได้แก่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG, บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON, บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT ส่วนหุ้นที่คาดจะหลุดจาก SET100 ได้แก่ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS, บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB, บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP
ทั้งนี้ แม้บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA จะยังอยู่ในดัชนี SET50 และ SET100 แต่จะถูกลดน้ำหนักลงทุนลงอีกจากเกณฑ์จำกัดน้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 10% ของมูลค่าตลาดรวมของดัชนี (Capping Rule) นั่นหมายความว่า กองทุนดัชนีที่อิง SET50 (SET50 Index Passive Fund) จะต้องขายหุ้น DELTA เพื่อลดสัดส่วนให้ตรงตามเกณฑ์ ส่งผลให้เกิดแรงขายประมาณ 1,600 ล้านบาท ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้นในช่วงสั้น
อย่างไรก็ตาม DELTA ยังเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำแต่มูลค่าตลาดสูงผิดปกติ (High Market Cap but Low Float) ทำให้มักถูก “Rebalance” ในทุกครึ่งปี และกลายเป็นหุ้นที่ถูกจับตาเป็นพิเศษจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
“การศึกษาข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2548-2567 พบว่าหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET50 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยบวก 6.97% ในช่วง 1 เดือนก่อนประกาศรายชื่อจริง และมีโอกาสปรับขึ้นถึง 70% ของกรณีศึกษา ในทางกลับกัน หุ้นที่ถูกคัดออกจากดัชนีมักปรับตัวลดลงเฉลี่ย 2.8% ในช่วงเดียวกัน สะท้อนให้เห็นถึงแรงเก็งกำไรเชิงพฤติกรรมของนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสก่อนวัน Effective Date” บล.กรุงศรี ระบุ
บล.กรุงศรี แนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงหุ้นที่คาดจะหลุดจาก SET50/SET100 เนื่องจากมีความเสี่ยงจากแรงขายของกองทุนอิงดัชนี และแนะนำให้ “เก็งกำไรระยะสั้น” ในหุ้นที่มีแนวโน้มจะถูกคัดเข้าใหม่ โดยเฉพาะ SAWAD และ ITC ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีสัญญาณราคาปรับขึ้นล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง


