
“พิพัฒน์” ชวน “แอร์บัส” คืนถิ่นอู่ตะเภา ดึงลงทุนศูนย์ซ่อม–หนุนใช้ชิ้นส่วนผลิตในไทยเพิ่ม
รองนายกฯ “พิพัฒน์” หารือผู้บริหาร “แอร์บัส” เชิญกลับมาลงทุนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานในพื้นที่ EEC พร้อมผลักดันการใช้ชิ้นส่วนและซัพพลายเชนจากไทยเพิ่ม หนุนขับเคลื่อนประเทศสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมการบินของภูมิภาค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 พ.ย.68) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พบหารือกับ Mr. Anand Stanley ประธานและหัวหน้าประจำภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก บริษัท แอร์บัส จำกัด (Airbus) ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลก พร้อมด้วย Mr. Bert Porteman หัวหน้าสำนักงานแอร์บัส ประเทศไทย
นายพิพัฒน์ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้รับมอบหมายจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในการหารือกับบริษัทแอร์บัส เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการบิน โดยฝ่ายไทยได้เชิญชวนให้แอร์บัส กลับมาลงทุนในโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance, Repair and Overhaul: MRO) ภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า แอร์บัสเป็นพันธมิตรสำคัญของประเทศไทยในอุตสาหกรรมการบินมาอย่างยาวนาน รัฐบาลจึงต้องการดึงให้กลับมาลงทุนร่วมกับผู้ประกอบการไทย เพื่อเสริมขีดความสามารถของศูนย์ซ่อมและสร้างการเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมต่อเนื่องภายในประเทศ พร้อมเสนอให้แอร์บัสเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนและอะไหล่จาก ซัพพลายเชนไทย ซึ่งมีศักยภาพการผลิตไม่ด้อยกว่าประเทศอื่น
พร้อมกันนี้ ฝ่ายไทยยังได้หารือถึงการขยายความร่วมมือด้านเทคโนโลยีการบิน การถ่ายทอดนวัตกรรม การพัฒนาบุคลากรวิศวกรรมการบิน และการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) เพื่อสนับสนุนนโยบายลดการปล่อยคาร์บอน มุ่งสู่เป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050)
ด้านผู้บริหารแอร์บัส แสดงความรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับประเทศไทยมายาวนานตั้งแต่ปี 2520 (ค.ศ. 1977) พร้อมกล่าวถวายอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ทั้งนี้ แอร์บัสเปิดเผยว่า ปัจจุบันมีชิ้นส่วนและองค์ประกอบจำนวนมากของเครื่องบินที่ผลิตโดยซัพพลายเชนจากประเทศไทย พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนในอนาคต โดยเฉพาะในด้านเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการผลิตชิ้นส่วนในประเทศ เพื่อเสริมบทบาทของไทยในฐานะฐานอุตสาหกรรมการบินสำคัญของภูมิภาคเอเชีย
ทั้งสองฝ่ายได้หารือแนวทางส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการบินในประเด็นที่มีศักยภาพร่วมกัน อาทิ การพัฒนาอุตสาหกรรมซ่อมบำรุงอากาศยาน การถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมการบิน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และบุคลากรด้านวิศวกรรมการบิน การใช้เชื้อเพลิงการบินยั่งยืนและพลังงานสะอาด ตลอดจนการส่งเสริมการลงทุนเพื่อยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค
นายพิพัฒน์ ย้ำว่า รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายอนุทิน มุ่งมั่นสนับสนุนความร่วมมือกับภาคเอกชนทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในภูมิภาค
อ้างอิง thaigov.go.th

