
รัฐ-ธปท. เปิดโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ช่วยลูกหนี้ NPL ชู KTB-KTC รับเต็ม
รัฐบาล-ธปท. เปิดโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ช่วยลูกหนี้ NPL ไม่มีหลักประกันไม่เกิน 1 แสนบาทต่อราย เพิ่มทางเลือกจัดการหนี้เสีย ส่งผลบวกต่อธนาคารและสถาบันการเงิน โดย KTB และ KTC ได้ประโยชน์สูงสุดจากสินเชื่อประเภทนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 พ.ย.68) รัฐบาลร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และภาคสถาบันการเงิน แถลงข่าวเมื่อวันที่ 11 พ.ย.68 เดินหน้าแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างสำคัญที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย ผ่านโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่เป็นหนี้เสียไม่มีหลักประกัน
โครงการดังกล่าวเป็นมาตรการเฉพาะกิจดำเนินการเพียงครั้งเดียว โดยมุ่งช่วยลูกหนี้ที่มีหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ทุกประเภท รวมกันไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ในระยะแรกครอบคลุมลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทในเครือประมาณ 1.2 ล้านราย หรือราว 1.6 ล้านบัญชี มูลหนี้รวมประมาณ 43,600 ล้านบาท โดยบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด หรือ SAM จะรับซื้อหนี้กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวเพื่อปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนภายใต้แนวทางของ “Social AMC” ที่มุ่งช่วยเหลือประชาชนมากกว่าการแสวงหากำไร
สำหรับลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงื่อนไขผ่อนปรน เช่น ยกเว้นดอกเบี้ยคงค้าง ลดยอดเงินต้นบางส่วน และปรับโครงสร้างหนี้ให้ชำระคืนได้ง่ายขึ้น ผ่าน 2 ทางเลือก ได้แก่ (1) ชำระปิดจบหนี้ทันที หรือ (2) ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 3 ปี พร้อมยกเว้นดอกเบี้ยในช่วงเข้าร่วมมาตรการ หากปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน
ส่วนลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) จะได้รับการช่วยเหลือผ่านกลไกโอนหนี้ให้กับบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มเติมอีกประมาณ 3.3 แสนบัญชี รวมแล้วโครงการจะช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยได้ราว 1.9 ล้านบัญชี
ด้านฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุว่า มีมุมมองเป็น slightly positive ต่อกลุ่ม Bank และ Consumer Finance ต่อโครงการ “ปิดหนีไว ไปต่อได้“ เน้นช่วยเหลือลูกหนี้ NPL ที่ไม่มีหลักประกัน (บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล) และติ้งหนี้ของหนี้ที่เคยมีหลักประกันที่มีหนี้รวมไม่เกิน 1 แสนบาทต่อราย ภายใต้ลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์
ด้านฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุว่าในบทวิเคราะห์ ว่ามีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยต่อกลุ่ม Bank และ Consumer Finance จากโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ซึ่งมุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีหลักประกัน (เช่น บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล) รวมถึงลูกหนี้ที่เคยมีสินเชื่อที่มีหลักประกันแต่ปัจจุบันมีหนี้คงค้างรวม ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ผ่านกลไกการซื้อหนี้ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC)
โดยโครงการดังกล่าวช่วยเพิ่มทางเลือกในการจัดการหนี้เสีย (NPL) ให้กับสถาบันการเงิน ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินที่มีสัดส่วนสินเชื่อประเภทนี้ในระดับสูง โดยพบว่า ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KTB มีสัดส่วนสินเชื่อที่เกี่ยวข้องมากที่สุด ขณะที่ในกลุ่ม เงินทุนและหลักทรัพย์ สถาบันที่มีสินเชื่อประเภทนี้มากที่สุดคือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC
อย่างไรก็ตาม ลำดับสถาบันการเงินที่มีสัดส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันและบัตรเครดิต จากมากไปน้อย มีดังนี้ กลุ่มธนาคาร ได้แก่ KTB สัดส่วน 27%, TTB สัดส่วน 7%, KBANK สัดส่วน 6%, SCB สัดส่วน 5% และ KKP สัดส่วน 4% ขณะที่ทาง BBL ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด และ TISCO ไม่มีสินเชื่อประเภทดังกล่าว
ขณะที่กลุ่ม Consumer Finance ได้แก่ KTC สัดส่วน 98%, AEONTS สัดส่วน 89%, MTC สัดส่วน 10% และ SAWAD สัดส่วน 3%
ส่วน THANI และ MICRO ไม่มีสินเชื่อประเภทนี้ ทั้งนี้ ในระยะเริ่มต้น KTC จะเป็นสถาบันการเงินเพียงรายเดียวที่เข้าร่วมโครงการ
สำหรับกลุ่มธนาคาร ยังคงน้ำหนักการลงทุนที่ “Neutral” โดยเลือก KBANK แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 205 บาท และ KTB แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 30 บาท เป็น Top Pick
ส่วนกลุ่ม เงินทุนและหลักทรัพย์ (Consumer Finance) ฝ่ายวิจัยยังคงน้ำหนักการลงทุนที่ “Bullish” โดยคง MTC แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 58 บาท และ KTC แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 42 บาท เป็น Top Pick ของกลุ่ม

