
HANA ร่วง 10% โบรกหั่นเป้าเหลือ 21.70 บ. หลังกำไร Q3 ทรุดเกือบเท่าตัว เหลือ 15 ล้านบาท
HANA ร่วง 10% โบรกปรับลดจากซื้อ เป็น “ถือ”พร้อมหั่นเป้าเหลือ 21.70 บ. หลังกำไร Q3 ทรุดเกือบเท่าตัว ลดเหลือ 14.78 ล้านบาท เหตุเนื่องจากยอดขายลดลงและอัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกกำไรสุทธิเหลือ 527.67 ล้านบาท ลดลง 51.83% จากช่วงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,095.44 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 พ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ณ เวลา 10:22 น. อยู่ที่ระดับ 18.70 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ9.66% สูงสุดที่ระดับ 19.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 18.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 291.37 ล้านบาท

บริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิ 14.78 ล้านบาท ลดลง 96.36% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 405.85 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายลดลงและอัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้น 7% ในไตรมาส 3/68 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงมีกาไรพิเศษ(exceptional gain) ในไตรมาส 3/67
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 527.67 ล้านบาท ลดลง 51.83% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,095.44 ล้านบาท
บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ระบุว่า บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็กโทรนิคส กำไรต่อหุ้นหลัก (EPS) ในไตรมาส 3/68 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์และ Bloomberg คาดการณ์ไว้ที่ 85%/86% แม้ว่าธุรกิจหลักของ HANA จะปรับตัวดีขึ้นตามลำดับตามที่คาดการณ์ แต่ด้านต้นทุนที่ย่ำแย่ของ Powermaster กลับส่งผลให้กำไรต่อหุ้นโดยรวมลดลงอย่างมาก ทั้งนี้ปรับลด HANA จาก “ซื้อ” เป็น “ถือ” และ ปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 21.70 บาท
ขณะที่ HANA ชี้แจงผลประกอบการไตรมาส 3/68 มีกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท ลดลงจาก 406 ล้านบาทในไตรมาส 3/67 หรือ ลดลง 96.3% เนื่องจากยอดขายลดลงและอัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงมีรายการพิเศษ(exceptional gain) ในไตรมาส 3/67
รายได้จากการขายลดลง 13% เมื่อเทียบปีต่อปี อยู่ที่ 5,295 ล้านบาท ลดลงจาก 6,100 ล้านบาทในไตรมาส 3/67 รายได้จากการขายในรูปสกุลเงินเหรียญสหรัฐลดลง 6% อยู่ที่ 164 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 175 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรจากการดำเนินงานตามปกติของกิจการในไตรมาส 3/68 ลดลง 24% อยู่ที่ 39 ล้านบาท จาก 52 ล้านบาทในไตรมาส 3/67
ณ ไตรมาส 3/68 รายได้จากการขายของกลุ่มในรูปสกุลเงินเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบปีต่อปีลดลง 6% อยู่ที่ 164 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 175 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 3/67 อัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉลี่ยของเงินบาทต่อเหรียญสหรัฐในไตรมาส 3/68 แข็งค่าขึ้น 7% อยู่ที่ 32.3 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จาก 34.8 บาทต่อเหรียญสหรัฐในไตรมาส 3/67 ส่งผลให้ยอดขายในรูปสกุลเงินบาทลดลง 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา
เมื่อเทียบปีต่อปี หน่วยงานไมโครอิเล็คโทรนิคสมียอดขายในรูปสกุลเงินเหรียญสหรัฐลดลง 12% โดยหน่วยงานที่จังหวัดลำพูนยอดขายลดลง 9% และ ที่เมืองเจียซิง ประเทศจีน ลดลง 24% ส่วนหน่วยงานประกอบ IC มียอดขายในรูปสกุลเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 8% ในไตรมาส 3/68 โดยหน่วยงาน IC ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาลดลง 2% และเมืองเจียซิงมียอดขายเพิ่มขึ้น 90% หน่วยงานพาวเวอร์ มาสเตอร์ เซมิคอนดักเตอร์ (PMS) ที่ประเทศเกาหลี มียอดขายลดลง 34% ส่วนหน่วยงานฮานา เทคโนโลยี (HTI) ผลิตอุปกรณ์ไมโครดิสเพลย์และ RFID ในมลรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา มียอดขายลดลง 19% ในไตรมาส 3/68 จากไตรมาส 3/67
