PTT โชว์ขายหุ้นกู้สำเร็จเกินคาด ลุยปรับกลยุทธ์ธุรกิจ เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

PTT ประสบความสำเร็จในการขายหุ้นกู้ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท ตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุน พร้อมเดินหน้าสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจก


ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานและปิโตรเคมีอย่างครบวงจร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ ที่ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมถึงการให้บริการด้านพลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐาน และมีพันธกิจในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของชาติ

นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 “ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง” เข้ารับตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. บทบาทหน้าที่ของ ปตท. ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ของ
ซีอีโอท่านนี้ ทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้เห็นผลการดำเนินงานที่สำคัญของ ปตท. ประจักษ์ชัดมากขึ้น

*หุ้นกู้ 2 หมื่นล้านฉลุย!

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ปตท. ประสบความสำเร็จการปิดการขายหุ้นกู้ 2 ชุด มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท ที่เปิดให้นักลงทุนจองซื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 5 – 8 กันยายน และวันที่ 10 – 11 กันยายน 2568 พบว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนเกินกว่าจำนวนที่เสนอขาย ตอกย้ำความเชื่อมั่นที่มีต่อ ปตท. พร้อมเดินหน้าสร้างความมั่นคงทางพลังงาน สร้างการเติบโตควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจก ตามวิสัยทัศน์ “ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน”

สำหรับผลการเสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุด คือ หุ้นกู้อายุ 7 ปี และหุ้นกู้ Young Saver Bond อายุ 3 ปี ที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไป (Public Offering) มีผลตอบรับที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง โดยมีมูลค่าที่จำหน่ายได้รวม 20,000 ล้านบาท ซึ่งผู้ถือหุ้นกู้เดิมของ ปตท. ที่ได้รับสิทธิในการจองซื้อก่อนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้หุ้นกู้ Young Saver Bond ที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนรุ่นเริ่มออม เป็นครั้งแรกของประเทศไทย และมีการจองซื้อเกินความคาดหมายด้วยเช่นกัน

*ปรับกลยุทธ์เสริมแกร่ง

ภายใต้การบริหารของ “ดร.คงกระพัน” ปตท. มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน สร้างผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น รวมทั้งดูแลผู้มีส่วนได้เสียอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นธุรกิจหลักคือน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการลดก๊าซเรือนกระจก การจัดตั้ง War Room รับมือกับปัจจัยท้าทายภายนอก ไม่ว่าจะเป็นนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก และความต้องการใช้พลังงานที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมถึงเร่งสร้างความแข็งแกร่งจากภายในด้วยการบริหารสินทรัพย์และเงินทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด

โดยในปี 2568 ปตท. มีการดำเนินกลยุทธ์ Asset Monetization (A1) บริหารสินทรัพย์ในกลุ่มให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยรูปแบบธุรกิจใหม่ที่เรียกว่า Energy Infrastructure มี PTT Tank เป็นหัวเรือใหญ่ โดยจะตั้งบริษัทย่อยขึ้นมา เพื่อซื้อและเช่า ท่าเทียบเรือ ถังเก็บผลิตภัณฑ์ และทรัพย์สินของ GC หรือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP และนำสินทรัพย์ดังกล่าวมาบริหารให้เกิดรายได้และผลตอบแทนต่อบริษัทในกลุ่ม

นอกจากนี้ PTT Tank ยังจะเข้าซื้อหุ้นของบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด จาก GC ในสัดส่วนประมาณ 35.43% เพื่อให้ครอบคลุมธุรกิจ บริการรับ จัดเก็บ และขนถ่ายสินค้าเหลว คาดว่าสำเร็จปี 2569 ไตรมาส 1 นี้

*เพิ่มศักยภาพ-ซื้อหุ้นคืน

 รวมถึงปลดล็อกศักยภาพของธุรกิจ Life Science โดย บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (ปตท. ถือหุ้น 100%) มีแผนลดสัดส่วนการลงทุนใน Lotus Pharmaceutical Company Limited (Lotus) บริษัทยาของไต้หวัน และเข้าซื้อหุ้น Alvogen US บริษัทยาในสหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 658 ล้านเหรียญสหรัฐ

 ขณะเดียวกันมีการซื้อหุ้นคืนครั้งแรกของ ปตท. (Treasury Stock) เพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกิน สร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุน และสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและผู้ถือหุ้นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดย ปตท. ดำเนินการซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม – 23 กันยายน 2568 รวมทั้งสิ้นจำนวน 238,660,400 หุ้น คิดเป็น 0.84% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 7,548,897,300 บาท

*จ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง

และการประกาศจ่ายเงินปันผลอย่างเหมาะสม ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่สอดคล้องกับสภาวะตลาดทุนและการจัดสรรเงินสด Free Cash Flow ระยะยาว โดย ปตท. จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2567 ในอัตรา 2.10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 6.60% นอกจากนี้คณะกรรมการ ปตท. มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2568 ในอัตรา 0.90 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 7.30% เพื่อสร้างผลตอบแทนแก่นักลงทุนในอัตราที่เหมาะสมเทียบเคียงกับอุตสาหกรรมเดียวกัน

Back to top button