
TOP ดีดบวก 2% ขานรับค่ากลั่นฟื้น-ปีหน้ากำไรโตกระโดดกว่า 100%
TOP ดีดบวก 2% ส่งสัญญาณค่ากลั่นพุ่ง-เดินเครื่องเต็มกำลัง ดันโมเมนตัมฟื้นต่อเนื่องถึงปี 69 ย้ำโครงการใหญ่ CFP เดินหน้าไม่มีสะดุด โบรกฯ เชียร์ TOP เป็นหุ้นโรงกลั่นเด่นสุด มองกำไรปีหน้าโตกระโดดกว่า 100%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(19 พ.ย.68)ราคาหุ้นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ณ เวลา 10:29 น. อยู่ที่ระดับ 37.25 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 2.05% ราคาสูงสุด 37.25 บาท ราคาต่ำสุด 36.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 55.87 ล้านบาท
จากการประชุมนักวิเคราะห์ร่วมกับผู้บริหารบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ผู้บริหารได้ชี้แจงทิศทางธุรกิจและแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งหลัง รวมทั้งแผนการดำเนินงานปีหน้า โดยระบุว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยังได้รับแรงหนุนจากค่าการกลั่นทรงตัวระดับดี แม้ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบยังสูงพร้อมยืนยันว่า บริษัทเดินหน้าบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม ควบคู่กับการควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
นอกจากนี้ TOP ยังเผยความคืบหน้าโครงการลงทุนสำคัญที่จะช่วยเสริมศักยภาพการผลิตและเพิ่มสัดส่วนสินค้ามูลค่าสูงในอนาคต ส่งผลให้รายได้และกำไรมีเสถียรภาพมากขึ้น ผู้บริหารย้ำว่า บริษัทมั่นใจฐานะการเงินแข็งแกร่ง รองรับการเติบโตระยะยาว พร้อมปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดพลังงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินบวกต่อทิศทางของ TOP หลังผู้บริหารย้ำเป้าปิดดีลผู้รับเหมาโครงการพลังงานสะอาด (CFP) ครบภายในไตรมาส 1/2569 และเดินหน้า COD ทุกหน่วยได้ตามแผนภายในไตรมาส 3/2571 โดยบริษัทเผยงบต้นทุนส่วนเพิ่ม 1,776 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังเพียงพอต่อการดำเนินงานและจะเปิดรายละเอียดเพิ่มเติมหลังได้ผู้รับเหมาฯ ครบแล้ว
ด้านค่าการกลั่นไตรมาส 4/2568 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจน หลังโรงกลั่นกลับมาเดินเครื่องเต็มกำลังจากช่วงปิดซ่อมใหญ่ อีกทั้งได้แรงหนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมันชั้นกลาง (middle distillate) ที่ยังอยู่ในระดับสูงผิดปกติ
โรงกลั่นสามารถเร่งอัตราการเดินเครื่องขึ้นมาที่ระดับประมาณ 112-114% คาดว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนดี (yield) มากขึ้น ขณะเดียวกันการปิดซ่อมนอกแผนของโรงกลั่นต่างประเทศ รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย ยังคงทำให้ปริมาณอุปทานในตลาดโลกตึงตัวต่อเนื่องไปจนถึงช่วงต้นปี 2569
โดยประเมินว่า ค่าการกลั่นปี 2569 จะปรับเพิ่มขึ้นมาเฉลี่ยราว 5.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยจะได้รับแรงหนุนจากการกลับมาเปิดใช้งานทุ่นรับน้ำมันดิบ (SPM) ภายในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งแบบการถ่ายโอนสินค้าระหว่างเรือประมาณ 0.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ว่าธุรกิจปิโตรเคมีในปี 2569 ยังเผชิญแรงกดดัน จากการออกซัพพลายใหม่จำนวนมาก แต่บริษัทยังได้รับประโยชน์จากธุรกิจหลักที่มีโมเมนตัมการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทำให้ภาพรวมยังมีทิศทางเชิงบวก
นักวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ 37.25 บาท มองมีอัพไซด์เพิ่ม หากต้นทุนส่วนเพิ่มโครงการ CFP ต่ำกว่าคาดทุก 5% จะเพิ่มมูลค่าหุ้นอีก 1.30 บาท คาดกำไรปี 2569 กระโดด 117% จากปีก่อน จากปัจจัยบวกระยะสั้น-ยาวต่อเนื่อง ทั้งค่าการกลั่นสูงและไม่มีแผนปิดซ่อมใหญ่
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุ ผู้บริหาร TOP มองว่า ค่าการกลั่น (crack spread) ยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องอย่างน้อยถึงไตรมาส 1/2569 จากอุปทานน้ำมันที่ตึงตัวและอุปสงค์ฤดูหนาวที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังได้แรงหนุนจากโรงกลั่นฝั่งตะวันตกทยอยปิดตัวในปีหน้า แต่ธุรกิจปิโตรเคมียังคงถูกกดดันจากอุปทานใหม่จำนวนมากเข้าสู่ตลาดปี 2569 ทำให้ส่วนต่างราคาในกลุ่มอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ยังอ่อนแรง
ด้านโครงการพลังงานสะอาด (CFP) ยังเดินหน้าตามแผน ตั้งเป้าเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบไตรมาส 3/2571 พร้อมว่าจ้างผู้รับเหมาหลักครบ 19 รายภายในสิ้นปี 2568 และเข้าพื้นที่โครงการครบถ้วนในไตรมาส 1/2569 โดยไทยออยล์ ยังระบุว่า การทำสัญญาเช่าและเช่าช่วงกลับ (L&LB) ช่วยเสริมสภาพคล่องกว่า 1.82 หมื่นล้านบาท ทำให้สามารถรักษาอันดับความน่าเชื่อถือและเตรียมออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์
โดยคงเป้ากำไรสุทธิปี 2568 ที่ 1.38 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากปีก่อน พร้อมคงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 40 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ (LHSEC) ประเมินทิศทางผลประกอบการของ TOP ว่า จะสดใสต่อเนื่องช่วงไตรมาส 4/2568 ถึงต้นปี 2569 จากแรงหนุนค่าการกลั่น (SG GRM) ที่ทรงตัวระดับสูง ขณะที่บริษัทเดินหน้าโครงการใหญ่และแผนลดหนี้ตามเป้า คงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 44 บาท
ล่าสุดค่าการกลั่นเฉลี่ยไตรมาส 4/68 ล่าสุดอยู่ที่ 9.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นถึง 115% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากอุปทานน้ำมันตึงตัวจากเหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ การปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในหลายภูมิภาค รวมถึงความต้องการใช้เพิ่มขึ้นตามฤดูหนาว TOP มองว่าสถานการณ์เป็นบวกเช่นนี้จะยืดไปอย่างน้อยถึงต้นปีหน้า
โดยราคาหุ้น TOP ปรับขึ้นช้ากว่าหุ้นกลุ่มโรงกลั่นตัวอื่น โดยเฉพาะบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC จึงยังมีอัพไซด์ให้ลงทุน พร้อมย้ำคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 44 บาท ปัจจัยบวกปีหน้า ได้แก่ ค่าการกลั่นสูงต่อเนื่อง ฐานะการเงินแข็งแรงขึ้นจากการลดหนี้ และผลบวกระยะยาว จากโครงการ CFP ส่วนความเสี่ยงยังคงมาจากภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันผันผวน และความล่าช้าของโครงการ


