AMATA เด้ง 5% มั่นใจ Q4 โต โชว์แบ็กล็อกรอโอน 2.2 หมื่นล้าน ย้ำเป้าขายที่ดินปีนี้ 2 พันไร่

AMATA ดีดบวก 5% ส่งซิกไตรมาส 4 โตไม่หยุด ตุนแบ็กล็อกขายที่ดินรอโอน 22,307 ล้านบาท พร้อมย้ำยอดขายที่ดินปีนี้ 2,000 ไร่ ล่าสุดจับมือพันธมิตรระดับโลก “DayOne” ขยายศูนย์ดาต้า ลุยพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล 1 กิกะวัตต์ในชลบุรี ตอบโจทย์นักลงทุนเทคโนโลยี พลังงานสะอาด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 พ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ณ เวลา 10:07 น. อยู่ที่ระดับ 15.70 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 4.67% สูงสุดที่ระดับ 15.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 15.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 60.51 ล้านบาท

ด้าน นางสาวเด่นดาว โกมลเมศ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน AMATA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2568 ยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง จากช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 ที่บริษัทมีรายได้รวม 10,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 9,072 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,107.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,459.87 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจพัฒนาที่ดินนิคมอุตสาหกรรมมีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและผู้ประกอบการจากต่างประเทศ และอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจหลักที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการสาธารณูปโภค

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,138.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 765.13 ล้านบาท และมีรายได้รวม 4,339 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.02% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,615 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่เติบโตทำสถิติกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีการโอนที่ดินรวม 677 ไร่ แบ่งเป็นในไทย 663 ไร่ และเวียดนาม 14 ไร่ รวมถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโต

ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทมียอดขายที่ดินรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม 22,307 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นฐานรายได้ที่มั่งคงในระยะยาวของ AMATA ขณะที่ล่าสุดบริษัทยังมีที่ดินสำหรับรองรับการขายรวม 18,131 ไร่ แบ่งเป็นที่ดินในพื้นที่นิคมชลบุรี 12,887 ไร่ และที่ดินในนิคมระยอง 5,244 ไร่ ซึ่งรองรับการขายได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับในปี 2568 บริษัทคาดยอดขายที่ดินจะอยู่ที่ 2,000 ไร่ ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกบริษัทได้มีการขายที่ดินไปแล้ว จำนวน 990 ไร่ โดยแบ่งเป็น ขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม AMATA VN (เวียดนาม) จำนวน 93 ไร่, ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีน (TCR) ตั้งอยู่ในอำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง จำนวน 117 ไร่, นิคมอมตะ ซิตี้ ระยอง (Amata City Rayong) จำนวน 158 ไร่, นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (SMART CITY CHONBURI) จำนวน 37 ไร่, นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี (โครงการ 2) จำนวน 525 ไร่ และนิคมอมตะ ซิตี้ ชลบุรี จำนวน 61 ไร่

นางสาวเด่นดาว กล่าวอีกว่า ปัจจุบันธุรกิจในกลุ่ม Data Center เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในนิคมฯ อมตะ ซึ่งบริษัทต้องดูถึงความต้องการทั้งในส่วนของน้ำและไฟให้มีความเพียงพอ และพร้อมจะตอบสนองตามความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย แต่ลูกค้าในกลุ่มนี้ปัจจุบันมีการเข้ามาลงทุนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในไตรมาส 4/2568 ที่มีลูกค้ากลุ่ม Data Center เข้ามาหลายราย

ส่วนธุรกิจสาธารณูปโภคและบริการ จะมีการเติบโตประมาณ 8-10% ต่อปี จากการเข้ามาลงทุนภายในนิคมฯ ของนักลงทุน รวมถึงการขยายสาธารณูปโภคและดิจิทัลอินฟราสตรักเจอร์ให้รองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ในช่วง 2-3 ปีจากนี้ จึงเชื่อว่ากลุ่มธุรกิจดังกล่าวจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ด้านนายโอซามู ซูโด รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การตลาด AMATA เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังคงชะลอตัวจากไตรมาสก่อน แต่กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยมียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุน 9 เดือนแรกสูงถึง 1.37 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% (ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI) โดยมีนักลงทุนจากสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่นเป็นหลัก

“แม้ว่าความต้องการที่ดินสำหรับพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์จะเป็นส่วนที่เติบโตเร็วที่สุด แต่โฟกัสของเรายังคงอยู่ทั้งด้านการผลิตไฮเทคและดาต้าเซ็นเตอร์ เราได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ผลิตระดับโลก ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ (Hyperscale) และผู้ให้บริการด้าน AI โดยเฉพาะรายที่ต้องการใช้พลังงานจำนวนมากและให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด AMATA มีความพร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ครบถ้วน ระบบไฟฟ้าที่เชื่อถือได้ และที่ดินที่สามารถขยายรองรับความต้องการในอนาคตได้” นายซูโด กล่าว

โดยล่าสุด AMATA ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ DayOne Data Centers ในการร่วมมือโครงการ Chonburi Tech Park 2 โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายศักยภาพของแคมปัสสู่กำลังไฟฟ้ารวม 1 กิกะวัตต์ การพัฒนาครั้งนี้ รวมถึงการขยายโครงการ Chonburi Tech Park 1 ที่กำลังดำเนินการอยู่ จะช่วยยกระดับแคมปัสให้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย

นอกจากนี้ Day One ยังได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเอกชน (Private User Power Purchase Agreement : PPA) กับบริษัท อมตะ บี.กริม รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์ยี่ หรือ AMBRE เพื่อจัดหาพลังงานแสงอาทิตย์หมุนเวียนกำลังผลิต 42.5 เมกะวัตต์ ให้กับแคมปัสศูนย์ข้อมูล Day One โดยจะเชื่อมต่อผ่านระบบสายส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อช่วยลดการปล่อยคาร์บอนของแคมปัสอย่างต่อเนื่อง

นายซูโด กล่าวอีกว่า AMATA เดินหน้าตามกลยุทธ์ “All WIN” พัฒนาเป็นเมืองอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่ผสานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล พลังงานสะอาด ระบบบริการครบวงจร รองรับอุตสาหกรรมอนาคต และความยั่งยืน (ESG) โดยรักษามาตรฐาน Zero Waste to Landfill ตั้งแต่ปี 2565 และ Zero Discharge ในปี 2567 พร้อมผลักดันโครงการพลังงานทดแทนและลดคาร์บอนที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 30% จากปีฐาน 2562 พร้อมกันนี้ยังได้รับการจัดอันดับ CG Rating ระดับ “ดีเยี่ยม” ต่อเนื่อง 8 ปี และรางวัล AMCHAM Corporate Social Impact Award ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4

Back to top button