
“พบชัย” มอง SET รีบาวด์! ชูหุ้น 3 ธีมเด่น รับดอกเบี้ยขาลง-มาตรการรัฐหนุน
“พบชัย ภัทราวิชญ์” ประเมินตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ กรอบ 1,225-1,275 จุด แม้ถูกกดดันจาก MSCI และความไม่แน่นอนทางการเมือง พร้อมแนะจับตาหุ้น 3 ธีมเด่นรับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐช่วงปลายปี
นายพบชัย ภัทราวิชญ์ นักกลยุทธ์ตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์ และสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่ม SCBX เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังมีโอกาสรีบาวด์ได้ตามแรงหนุนจากตลาดภูมิภาคและต่างประเทศ โดยเฉพาะความคาดหวังต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ
หลังจากประธานเฟดนิวยอร์ก “จอห์น วิลเลียมส์” แสดงความเห็นที่ทำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดอาจเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน และมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยได้ตั้งแต่การประชุมเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งนักลงทุนให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะวิลเลียมส์ถือเป็นบุคคลใกล้ชิดประธานเฟด “เจอโรม พาวเวลล์” และมักสะท้อนมุมมองจากเฟดกลางก่อนเสมอ
อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของตลาดไทยยังถูกจำกัดจากปัจจัยในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแรงขายจากการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI ที่ยังทำให้เงินทุนต่างชาติไหลออกในหุ้นขนาดกลางและใหญ่ รวมถึงบรรยากาศการเมืองที่เปราะบางขึ้นจากความเป็นไปได้ของการยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ ซึ่งอาจนำไปสู่การยุบสภาเร็วกว่ากำหนด แม้รัฐบาลรักษาการยังเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยวได้ แต่จังหวะการออกมาตรการใหม่ ๆ อาจต้องระวังมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาทางการเมือง
ในแง่การเคลื่อนไหวของดัชนี นายพบชัยประเมินว่า กรอบล่างของ SET อยู่ที่ 1,225–1,250 จุด ขณะที่กรอบบนอยู่ที่ 1,270–1,275 จุด โดยมองว่าตลาดสามารถดีดตัวขึ้นได้ในช่วงแรกของการซื้อขาย แต่ต้องระวังแรงขายในช่วงท้ายตลาด เป็นผลจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันตามรอบ MSCI ซึ่งอาจกดดันให้ดัชนีย่อตัวลงจากระดับสูงสุดของวันได้
ในระยะยาว ความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติยังลดลง เนื่องจากโครงสร้างบริษัทจดทะเบียนไทยส่วนใหญ่ยังอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม เช่น พลังงาน ธนาคาร และสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเติบโตในลักษณะคงที่ ต่างจากตลาดที่มีหุ้นเทคโนโลยีหรือ AI เป็นตัวนำ ปัจจัยที่ยังช่วยประคองตลาดไทยได้คือ “หุ้นปันผล” ที่ให้ผลตอบแทนดีในบางรอบการลงทุน แต่ไม่มากพอจะดึงเม็ดเงินอย่างต่อเนื่อง
ด้านสถิติช่วงการเลือกตั้ง แม้ในอดีตตลาดมักปรับขึ้นก่อนเลือกตั้ง 2-3 สัปดาห์ และฟื้นตัวหลังรัฐบาลใหม่แถลงนโยบายชัดเจน แต่ความซับซ้อนของการเมืองไทยรอบหลัง ๆ ทำให้สถิติเหล่านี้ไม่แน่นอนเหมือนเดิม นักลงทุนจึงต้องประเมินความเสี่ยงเชิงนโยบายควบคู่ไปกับปัจจัยเศรษฐกิจโลก
นายพบชัยมองว่ากลยุทธ์การลงทุนต้องอาศัยการคัดเลือกหุ้นอย่างระมัดระวัง โดยเน้นธีมที่เหมาะสมกับสภาพตลาดในปัจจุบัน ซึ่งเขาได้แนะนำ หุ้นเด่น 3 ธีม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการลงทุน ดังนี้
1.) หุ้นพื้นฐานแข็งแรง-กำไรไตรมาส 4 เด่น และเป็นที่พักเงินในภาวะผันผวน ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM
2.) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง และต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มลดลง ได้แก่ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE
3.) หุ้นที่มีโอกาสได้แรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของภาครัฐ ได้แก่ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA และบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA

