“ดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 646 จุด “ออลไทม์ไฮ” รับเฟดส่งซิกลดดอกเบี้ยอีกปีหน้า

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 646 จุด ทำสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาล (All-time high) รับแรงหนุนจากสัญญาณเชิงผ่อนคลายของเฟด ขณะที่แรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงกดดันตลาด ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (11 ธ.ค.68) โดยดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลงจากแรงขายในหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ หลังบางบริษัทเปิดเผยผลประกอบการต่ำกว่าคาด

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 48,704.01 จุด เพิ่มขึ้น 646.26 จุด หรือ +1.34%
  • ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,901.00 จุด เพิ่มขึ้น 14.32 จุด หรือ +0.21%
  • ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 23,86 จุด ลดลง 60.30 จุด หรือ -0.25%

สื่อต่างประเทศ อาทิ Financial Times และ AP News รายงานว่า บรรยากาศการลงทุนยังคงได้รับแรงหนุนจากท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ซึ่งช่วยเสริมมุมมองของตลาดว่า เฟดอาจมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในระยะถัดไป แตกต่างจากความกังวลก่อนหน้านี้ที่คาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างแข็งกร้าว

ทั้งนี้ นักลงทุนเริ่มให้น้ำหนักมากขึ้นต่อทิศทางตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่มีสัญญาณชะลอตัว ซึ่งเฟดกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด และอาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อการกำหนดนโยบายการเงินในระยะต่อไป

สำหรับหุ้นในกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นโดดเด่นในดัชนีดาวโจนส์ โดยหุ้น Visa พุ่งขึ้น 6.1% ขณะที่หุ้น American Express เพิ่มขึ้น 2.48% ส่วนหุ้น JP Morgan และ Goldman Sachs ต่างปรับตัวขึ้นมากกว่า 2%

ขณะเดียวกัน หุ้นรายตัวอื่นที่ปรับตัวเป็นบวก ได้แก่ หุ้น Walt Disney ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.4% หลังบริษัทประกาศการลงทุนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในบริษัท OpenAI โดยนักลงทุนมองว่าจะช่วยเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาคอนเทนต์ในระยะยาว

ด้านดัชนี S&P 500 ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนหลักจากหุ้นกลุ่มวัสดุที่ปรับตัวขึ้น 2.23% ตามด้วยหุ้นกลุ่มการเงินที่เพิ่มขึ้น 1.84% ขณะที่หุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลงมากที่สุด ลดลง 1.01% และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอ่อนตัวลง 0.5%

ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังหุ้น Oracle เผชิญแรงขายอย่างหนัก ภายหลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด พร้อมเตือนว่าอาจต้องใช้เงินลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ (AI) สูงกว่าประมาณการเดิมราว 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนกังวลต่อภาระหนี้และต้นทุนในระยะยาว

ทั้งนี้ หุ้น Oracle ปรับตัวลดลงตลอดทั้งวัน และปิดตลาดร่วงลง 10.95% กดดันบรรยากาศการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีโดยรวม

สำหรับดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดที่ระดับ 48,704.01 จุดในคืนล่าสุด ถือเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาล หลังทำจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ระดับ 47,927.96 จุด เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 จากแรงหนุนความคืบหน้าการบรรลุข้อตกลงยุติภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ

Back to top button