ASEFA คาดผลการดำเนินงาน Q4 โตต่อเนื่อง ชู Backlog กว่า 1.80 พันลบ.

ASEFA คาด Q4/59 โตต่อเนื่อง จ่อส่งมอบ 2-3 โครงการ หลังเลื่อนส่งจาก Q3/59 คงเป้ารายได้ปี 59 เพิ่ม 15% รับอานิสงส์การลงทุนภาครัฐ-เอกชน ตุน ฺBacklog 1.8 พันลบ. ทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ 700-800 ลบ.


นายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทอาซีฟา จำกัด (มหาชน) หรือ ASEFA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 บริษัทคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน หลังจากมีโครงการในไตรมาส 3 เลื่อนส่งมอบเป็นไตรมาสนี้แทน 2-3 โครงการ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

รวมทั้งยังเติบโตตามทิศทางอุตสาหกรรมที่มีความต้องการไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมสื่อสาร ศูนย์ข้อมูล Data Center เป็นธุรกิจที่มีการเติบโต รวมทั้งการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาจำหน่าย เช่น ผลิตภัณฑ์ Mineral lnsulated Cable (MICC) และการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด คาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะมีสาขาทั้งสิ้น 10 สาขา จากปัจจุบันมีแล้ว 4 สาขา ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในอนาคต

ทั้งนี้ปี 59 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้จะเติบโต 15% จากปีก่อนทำได้ 2.56 พันล้านบาท เนื่องจากได้รับประโยชน์จากการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและการขยายการลงทุนของภาคเอกชน เช่น โครงการรถไฟฟ้า โครงการสายไฟลงดิน โครงการผลิตไฟฟ้า งานระบบสื่อสาร โทรคมนาคม ดาต้าเซ็นเตอร์ การพัฒนาระบบสาธารณสุข กลุ่มโรงอุตสาหกรรม รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่งผลต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯเพิ่มมากขึ้น

โดย ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1.80 พันลบ.คาดว่าจะรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 700-800 ล้านบาท ส่วนที่เหลือก็จะทยอยรับรู้รายได้ในปีหน้า ขณะเดียวกันบริษัทยังมีงานอื่นๆ ที่ยื่นเสนอราคาและร่วมประมูลอย่างต่อเนื่อง มูลค่างานรวมกว่า 2-3 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นงานภาคเอกชน 70-80% ที่เหลือเป็นงานภาครัฐ

“ภาพรวมธุรกิจในปีนี้ มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าปี 58 เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทฯยังคงเป้าหมายการเติบโตที่ 15% จากปีก่อน ซึ่งจะมีสัดส่วนรายได้มาจากสินค้าที่เราผลิตเอง 70% งานบริการ 10% ซื้อมาขายไป 10% ที่เหลือเป็นอื่นๆ และคาดอัตรากำไรสุทธิน่าจะอยู่ที่ระดับ 9% “

ขณะที่ปี 60 บริษัทวางงบลงทุนราว 20 ล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาบุคคลากร ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ระดับ 70% ในปัจจุบัน ยังถือว่าเพียงพอต่อการรองรับธุรกิจในอีก 2 ปีข้างหน้า หากเศรษฐกิจยังคงเติบโตในระดับปัจจุบัน

โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 60 น่าจะเติบโตราว 15% จากปีนี้ ตามการเติบโตของธุรกิจหลักที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน และการออกสินค้าใหม่ ขยายไลน์การให้บริการ หรือการขยายฐานลูกค้าไปยังต่างจังหวัด

ทั้งนี้ บริษัทมีความคาดหวังว่าจะได้รับส่วนแบ่งงานโครงการขยายงานของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานกำหนดโครงการขยายงานในช่วง 5 ปีนี้ รวมราว 1 แสนล้านบาท ทั้งการขายสินค้าให้กับผู้รับเหมาโครงการ หรือการเข้ารับงานร่วมกับพันธมิตร หลังจากที่บริษัทได้ประเดิมเข้าไปประมูลงานของ กฟภ.ในการนำสายไฟฟ้าลงดินที่ จ.สุโขทัย และ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา มูลค่ารวม 100 ล้านบาท อีกทั้งยังมีงานปรับปรุงสวิตซ์บอร์ดและระบบควบคุมของสนามบินสุวรรณภูมิ (AOT) เป็นต้น

Back to top button