MK ปักมุดปีนี้ผุด 5 โครงการใหม่มูลค่า 5.47 พันลบ.พร้อมขยายพื้นที่คลังสินค้า-รง.ให้เช่า

MK ปักมุดปีนี้ผุด 5 โครงการใหม่มูลค่า 5.47 พันลบ.พร้อมขยายพื้นที่คลังสินค้า-รง.ให้เช่า


นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทวางแผนพัฒนาโครงการใหม่รวม 5 โครงการ มูลค่ารวม 5,475 ล้านบาท

สำหรับโครงการใหม่ในปีนี้ จะแบ่งเป็นโครงการบ้าน 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,475 ล้านบาท ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร สะท้อนแนวคิดใหม่ของการพัฒนาโครงการ คือการนำที่ดินดั้งเดิมที่อยู่บริเวณรอบสนามกอล์ฟย่านปทุมธานีมาพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวจับกลุ่มตลาดระดับกลางและไฮเอนด์ พร้อมปรับโฉมคลับเฮ้าส์รองรับไลฟ์สไตล์ปัจจุบันของกลุ่มลูกค้าในทำเลดังกล่าว ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าภาพรวมของโครงการให้มีศักยภาพสูงยิ่งขึ้น และจะกลายเป็นไลฟ์สไตล์ฮับใหม่ของย่านปทุมธานี

นอกจากนี้ ยังถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายครั้งใหม่กับการพัฒนาที่ดินย่านสุขุมวิทให้กลายเป็นโครงการอพาร์ทเมนต์และคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยม จำนวน 5 อาคาร มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท โดยจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 4/60

แผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทในเครือนั้น สำหรับบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาและบริหารโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน คลังสินค้าและโรงงานเพื่อเช่า ประกอบด้วยพื้นที่ประกอบการอุตสาหกรรมและเขตปลอดอากรย่านบางนา บางพลี สมุทรปราการนั้น ถือว่ามีการเติบโตอย่างมากในปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีการพัฒนาพื้นที่ปล่อยเช่ารวม 115,000 ตารางเมตร และจะพัฒนาต่อเนื่องในปีนี้เพิ่มเติมอีก 40,000 ตารางเมตร และในส่วนของบริษัท ยัวร์ส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ที่ให้บริการด้านการบริหารจัดการอาคารและที่พักอาศัยนั้น ในปี 2560 วางแผนขยายบริการเพิ่มอีก 10 โครงการ

นายสุเทพ กล่าวว่า มุมมองต่อภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 60 มีทิศทางที่ดีขึ้น คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับเศรษฐกิจไทยที่ 3-4% เพราะในปีที่ผ่านมามีอุปทานเกิดใหม่ค่อนข้างน้อย ขณะที่โครงการเครือข่ายคมนาคมได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐและเดินหน้าพัฒนาต่อเนื่อง ทำให้เกิดการขยายตัวของโครงการ ที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และอาคารสำนักงานไปยังชานเมืองโดยรอบมากยิ่งขึ้น แต่ปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามคือ ภาระหนี้ครัวเรือนและการกลั่นกรองปล่อยกู้ที่เข้มงวดของธนาคารพาณิชย์ ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยเติบโตช้า แต่หากพิจารณาเชิงลึกจะพบว่ากลไกดังกล่าวก็มีส่วนดีในการสร้างเสถียรภาพให้แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ไทยเช่นกัน สำหรับผู้ประกอบการนั้นในปีนี้ต้องรู้จักที่จะพัฒนาโครงการใบแบบผสมผสาน เพื่อสร้างรายได้ ลดความเสี่ยง สานต่อการเติบโต

                

Back to top button