CBG พุ่งเกือบ 4% โบรกฯเชียร์ซื้อ เป้าสูง78บ. คาดยอดขายยังโตต่อเนื่อง

CBG พุ่งแรงเกือบ 4% โบรกฯเชียร์ซื้อ ให้เป้า 78 บ. มองยอดขายโตต่อเนื่อง โดยราคาหุ้นปิดตลาดภาคเช้าราคาอยู่ที่ 68.75 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 3.77% สูงสุดที่ 69.25 บาท ต่ำสุดที่ 66.50 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 215.43 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ปิดตลาดภาคเช้าราคาอยู่ที่ 68.75 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 3.77% สูงสุดที่ 69.25 บาท ต่ำสุดที่ 66.50 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 215.43 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมลบ 0.16%

บล.แอพเพิล เวลธ์ แนะนำ “Buy” CBG ราคาเป้าหมาย 78 บาท/หุ้น ประเมินว่ายอดขายของ CBG จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 33.4% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ ยอดขายภายในประเทศที่ยังเติบโตได้ และการเพิ่มสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน Cash Van

ขณะที่ยอดส่งออกที่มีแนวโน้มเป็นบวก รับรู้รายได้จากการเปิดตลาดใหม่ในจีน โดยปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ จากการลงทุนใน Joint Venture เป็นการส่งออกทำให้บริษัทฯ ไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการลงทุน

อย่างไรก็ตามมองว่าสถานการณ์ ICUK ยังไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อเติบโตได้ช้ากว่าที่บริษัทฯคาด สำหรับ Gross Margin ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะปรับตัวลดลงในช่วง 2 ปีนี้ จากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มี Margin ต่ำลง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กาแฟ, การเปลี่ยน Product Mix ของ Cash Van และการส่งออกไปยังจีน แต่คาดว่าผลกระทบจะลดลง ด้วยการปรับเปลี่ยน Packaging ทำให้ฝากระป๋องมีราคาถูกลง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว

ด้าน ค่าใช้จ่าย ICUK จะยังกดดันกำไรสุทธิจนถึงปี 61 และจะกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงปี 62 ส่วนประเด็นนโยบายภาษีความหวาน ปัจจุบันเครื่องดื่มชูกำลังของ CBG มีปริมาณน้ำตาลที่ 18% และได้มีการจ่ายภาษีที่ระดับ 20% อยู่แล้ว แต่ทาง CBG อาจต้องแบกรับส่วนต่างภาษีที่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่คิดจากราคาขายหน้าโรงงาน มาเป็นราคาขายปลีก และกาแฟกระป๋องที่คาดว่าจะถูกนำมาคำนวณในนโยบายภาษีใหม่ด้วย

โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าผลกระทบในระยะสั้นจะยังมีไม่มาก เนื่องจากทางผู้ผลิตจะได้รับเวลาการปรับตัวเป็นเวลา 2 ปี ก่อนจะมีการเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า

ทั้งนี้ ปรับประมาณการณ์กำไรสุทธิปี 60 จากเดิม 1,373 ล้านบาท ขึ้น 4% อยู่ที่ 1,428 ล้านบาท ลดลง 4.1% จากปีก่อน โดยคาดว่ายอดขายรวมปี 60 จะเติบโตโดดเด่น 55.7% จากปีก่อน จากแนวโน้มยอดขายรวมภายในประเทศที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กาแฟ และการเติบโตของตลาดส่งออก โดยเฉพาะประเทศจีน

โดยประเมินยอดสั่งซื้อของปี 60-62 ไว้ที่ 250 ล้านกระป๋อง แม้จะมีค่าใช้จ่าย ICUK ราว 400 ล้านบาท ที่จะเข้ามากดดันกำไรสุทธิในปีนี้ ในส่วนของ Gross Margin คาดว่าจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ 33.4% เทียบกับปีก่อนที่ 35.9% สำหรับงวด ไตรมาส 2/60 คาดว่ายอดขายจะเติบโตจากปีก่อน Gross Margin จะทรงตัวจากไตรมาสก่อน และกำไรสุทธิจะเติบโตจากไตรมาสก่อน แต่ลดลงจากปีก่อนตามปัจจัยที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น

ทั้งนี้ประเมินกำไรสุทธิโดยวิธี DCF โดยมี Terminal growth ที่ 3.5% และ WACC ที่ 4.8% และปรับมูลค่าเหมาะสมปี 60 ขึ้นจาก 75.50 บาทเป็น 78.00 บาท มี Upside จากราคาปัจจุบันราว 10% จึงแนะนำ “ซื้อ” ทั้งนี้ การประเมินมูลค่าเหมาะสมยังไม่ได้รวมผลกระทบจากภาษีความหวานและการประมาณการผลิตภัณฑ์เหล้าขาว

Back to top button