รวมหุ้นฟอร์มหลุด

พูดกันตรงว่า อีฉันไม่ค่อยกังวลกับการขึ้น ๆ ลง ๆ ของดัชนีมากนัก แม้บางครั้งจะหลุดลงไปต่ำกว่าระดับ 1,300 จุด ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้อีฉันไมเกรนขึ้นแต่อย่างใด


พูดกันตรงว่า อีฉันไม่ค่อยกังวลกับการขึ้น ๆ ลง ๆ ของดัชนีมากนัก แม้บางครั้งจะหลุดลงไปต่ำกว่าระดับ 1,300 จุด ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้อีฉันไมเกรนขึ้นแต่อย่างใด เพราะของมันเห็นกันมาหลายรอบแล้วว่า ดัชนียังยืนหยัดเหนือแนวรับสุดท้ายที่บริเวณ 1,268 จุดอย่างแข็งแกร่ง ผนวกกับภาพรวมของเศรษฐกิจก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เลยมั่นใจว่า ดัชนีน่าจะย่ำฐานอย่างมั่นคง ก่อนไต่ระดับขึ้นไปทดสอบยอดเดิมนะตัวเอง

ฉะนั้นการที่มีแรงขายทำกำไรออกมาเป็นระลอก แต่ดัชนียังประคองตัวปิดที่ระดับ 1,302.91จุด ลบไป 10.40 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.90 หมื่นล้านบาท ย่อมทำให้อีฉันเลือกที่จะมองหุ้นที่โดนขายหนักมากกว่าหุ้นที่ยังมีแรงซื้อ เพราะเป็นการย้ำเตือนให้อีฉันสำเหนียกตลอดเวลาว่า ของที่เห็นว่าชัวร์ ๆ หรือของที่เห็นว่าถูกสุด ๆ อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าสนใจ หลังนักลงทุนสถาบันไม่ชายตาแลไงล่ะคะ

โดยเฉพาะในรายของหุ้น BDMS ซึ่งอยู่ในทิศทางขาลงเป็นเวลานานถึง 1 ปี จากหุ้นที่เคยยืนอยู่ในระดับ 31 บาท มาวันนี้หุ้นยืนอยู่ที่ระดับ 18.50 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.65 พันล้านบาท ทั้งที่ตัวเลขกำไรครึ่งปีแรกก็ออกมาดี แต่นักเล่นสถาบันก็ไม่ชายตามองสักที..แถมบรรดาผู้รู้ก็ออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สมัยนี้หุ้นโรงพยาบาลไม่ใช่ดีเฟนซีฟเสียด้วยแบบนี้..เป็นเรื่องแล้วค่ะ

ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น IVL เป็นรายถัดมา เพราะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่โดนถล่มหนักจนโงหัวไม่ขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นไหลลงมาเรื่อย ๆ เป็นเวลา 2 เดือนเต็ม ๆ  แต่โชคดีที่แนวรับเก่าที่เป็นจุดเด้งกลับบริเวณ 17.50 บาทยังทำงานได้ดี หุ้นเลยประคองตัวรอดไปวัน ๆ จึงมีคำถามตามหลังมาว่า การยืนปิดที่ระดับ 17.80 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 245 ล้านบาท หุ้นจะยืนได้นานไหมเจ้าคะ

ขนาดหุ้น BANPU มีสตอรี่ควบรวมเป็นยันต์กันภัย ยังถูกรินหุ้นออกมาเรื่อย ๆ จนหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 4.86 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 140 ล้านบาท ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ทำให้อีฉันงงสุด ๆ เพราะในทางปฏิบัติหุ้นควรจะยืนประคองตัวที่ระดับ 5 บาทไม่ใช่เหรอ? อีฉันเลยหวังว่า จะมีผู้รู้มาไขข้อสงสัยให้เป็นการส่วนตัว หลังเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันผิดฝาผิดตัวไปหมดนะซี

เม้าท์ถึงเรื่องที่ทำให้งงขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงหุ้น MONO เพื่อชี้ให้เห็นเรื่องช็อกซีนิม่านักลงทุนสุด ๆ คงหนีไม่พ้นงบไตรมาส 3 ขาดทุนตัวแดงโร่ แถมยังเบี้ยวหนี้คู่ค้าจนแบงก์ต้องเรียกคืนเงินกู้ มันเป็นสถานการณ์ที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างไร? ในเมื่อก่อนหน้านี้เปิดตัวอย่างใหญ่โตว่า มีลูกค้าล้านรายที่สมัครสมาชิกดูบอล และความผิดหวังดังกล่าวก็นำมาสู่การขายหุ้นทิ้งอุตลุด จนหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 1.08 บาท ลบไป 0.13 บาท หรือลงไป 10.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 227 ล้านบาทค่ะ

ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงเรื่องแรงขายที่ออกมาเยอะทั้งที “โมนิก้า” คงต้องเอ่ยถึงหุ้นเครื่องดื่มชูกำลังอย่าง CBG เพื่อชี้ให้เห็นการอ่อนตัวลงมาเรื่อย ๆ จนลงมายืนอยู่ที่ระดับ 40.25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 157 ล้านบาท ทั้งที่ต้นปีหุ้นยืนอยู่ที่ 80 บาท ล้วนเกิดจากผลกระทบหลายเรื่องด้วยกัน แต่ที่กระทบหนักสุดน่าจะเป็นโรงงานที่เขมร ซึ่งจะเป็นแรงกดดันที่ทำให้ราคาหุ้นซึมอีกนานพะยะค่ะ

ปิดท้ายกันที่ HMPRO หลังราคาหุ้นอ่อนตัวลงเป็นเวลานาน จนล่าสุดลงมายืนปิดที่ระดับ 6.05 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 1.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 198 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริเวณที่หุ้นเคยเด้งกลับในรอบที่แล้ว “โมนิก้า” เลยหวังว่า เที่ยวนี้จะเป็นเช่นนั้นอีก ยกเว้นผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ออกมาแย่กว่าที่ประเมินไว้ ราคาหุ้นก็มีสิทธิ์รูดทะลุจุดเด้งกลับอย่างเลี่ยงไม่ได้นะจะบอกให้

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button