“ริชสปอร์ต” ลุยเทรด10พ.ย.นี้ มั่นใจกระแสตอบรับเยี่ยม ชูจุดแข็งแบรนด์ Converse-Ponyติดตลาด

“ริชสปอร์ต” ลุยเทรด10พ.ย.นี้ มั่นใจกระแสตอบรับเยี่ยม ชูจุดแข็งแบรนด์ Converse-Ponyติดตลาด


นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายที่ 5.80 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันที่ 3, 6-7 พ.ย. ที่ผ่านมา

โดยหุ้นของ RSP ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อหุ้นไอพีโอเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ จึงมั่นใจว่า RSP จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเข้าทำการซื้อขายวันแรกได้อย่างน่าประทับใจ

“ต้องขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นในหุ้น RSP โดยมียอดจองซื้อหุ้นเข้ามาอย่างล้นหลามทั้งจากส่วนของนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยในส่วนของนักลงทุนสถาบันในประเทศมียอดจองซื้อล้นเกินกว่าจำนวนที่จัดสรรถึง 16 เท่า ถือว่าประสบความสำเร็จมาก เป็นผลจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัท ในฐานะที่เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ Converse แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยมานานกว่า 14 ปี

โดย Converse เป็นแบรนด์รองเท้าผ้าใบชั้นนำจากต่างประเทศที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นยังเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคตจากแบรนด์ Pony รวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Converse ไปยังประเทศกัมพูชา จากการที่ทีมผู้บริหารของบริษัทมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในวงการแฟชั่นมากว่า 15 ปี

เมื่อผนวกกับความเชื่อมั่นและไว้วางใจที่บริษัทได้รับจากคู่ค้าไม่ว่าจะเป็นเข้าของแบรนด์และห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ ที่ถือเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายหลักของบริษัทจะช่วยสนับสนุนให้ RSP สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง โดยการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครั้งนี้ จะยิ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ RSP มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ราคาขายหุ้นไอพีโอที่ 5.80 บาทต่อหุ้น  ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม หากนักลงทุนที่พลาดวันจองซื้อหุ้นไอพีโอ สามารถเข้ามาซื้อหุ้นบนกระดานได้ โดยจะเข้าเทรดวันแรกวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้  มั่นใจหุ้น RSP จะเป็นหุ้นน้องใหม่ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน” นายสมภพ กล่าว

ด้านนางสาวพาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RSP เปิดเผยว่า หุ้นไอพีโอของบริษัทได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท เนื่องจาก RSP มีศักยภาพในการเติบโตจากสินค้าที่บริษัทจัดจำหน่ายทั้งแบรนด์ Converse และ Pony ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลกที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย

ประกอบกับแนวโน้มของภาพรวมตลาดเครื่องแต่งกายแนวกีฬา (Sportswear) ที่มีการเติบโตสูง โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) สูงถึงร้อยละ 13.91 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และจะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการที่กระแสการแต่งกายแนว Sportswear กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก

สำหรับก้าวต่อไปของ RSP จะขยายการจัดจำหน่ายไปต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา หลังจากที่บริษัทได้สิทธิจาก Converse ในการจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Converse แต่เพียงผู้เดียวในประเทศกัมพูชา จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

“ในฐานะผู้บริหารบริษัท รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นไอพีโอเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการเติบโตของธุรกิจ การเข้ามาระดมทุนในตลาดแห่งประเทศไทยครั้งนี้ จะทำให้ RSP เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จากทั้งคู่ค้าและลูกค้ามากยิ่งขึ้น อันจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทและสามารถสนับสนุนให้บริษัท สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง

โดยทีมผู้บริหารของบริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น เชื่อว่าเมื่อ RSP เข้าซื้อขายเป็นวันแรกในวันที่ 10 พ.ย นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน” นางสาวพาพิชญ์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2557-2559) บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 816.72 ล้านบาท ในปี 2557 เป็น 1.23 พันล้านบาทในปี 58 และ 1.36 พันล้านบาท ขณะที่ 6 เดือนแรกปี 60 มีรายได้รวม 601.12 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ (2557-2559) อยู่ที่ 75.99 ล้านบาท 246.09 ล้านบาท และ 298.76 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 9.30 ร้อยละ 21.90 และร้อยละ 21.90 ตามลำดับ ขณะที่ 6 เดือนแรกปี 60 บริษัทมีกำไรสุทธิ 122.16 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 20.32

X
Back to top button