“ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994)” ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 70 ล้านหุ้น จ่อเทรด mai

"ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994)" หรือ TPLAS ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหาร ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 70 ล้านหุ้น จ่อเทรด mai ระดมทุนเพื่อลงทุนสินทรัพย์ถาวร-เป็นทุนหมุนเวียน โดยมี บล.เออีซี เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) หรือ TPLAS ระบุว่า บริษัทยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 70,000,000 หุ้น คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท/หุ้น และจะเข้าจดทะเบียนในหมวดธุรกิจบรรจุภัณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มี บล.เออีซี เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

โดย TPLAS เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหารประเภท Polypropylene (PP), ถุงบรรจุอาหารและถุงหูหิ้วประเภท High Density Polyethylene (HDPE) ภายใต้ตราสัญญาลักษณ์ “หมากรุก” และฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร Polyvinyl Chloride (PVC) ภายใต้ตราสัญญาลักษณ์ “Vow Wrap”

สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ ถุงพลาสติกบรรจุอาหารประเภทโพลีโพรพิลีน Polypropylene (PP), ถุงพลาสติกบรรจุอาหารและถุงหูหิ้วประเภทโพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง High Density Polyethylene (HDPE) และ ฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร Vow Wrap ประเภทโพลิไวนิลคลอไรด์ Polyvinyl Chloride (PVC)

ทั้งนี้บริษัทมีวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อลงทุนสินทรัพย์ถาวร ประกอบด้วย อาคารโรงงานใหม่ พร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ สำหรับการผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติก กำลังการผลิต 200 ตัน/เดือน คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/61 เป็นต้นไป และการปรับปรุงอาคารโรงงานปัจจุบัน อาคารสำนักงาน นอกจากนี้ บริษัทจะใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการ

โดยปัจจุบัน บริษัทมีทนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 100 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 200 ล้านหุ้น โดยมี ครอบครัวธีระรุจินนท์ ถือหุ้นทั้ง  100% โดยหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะทำให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 135 ล้านบาท หรือคิดเป็น 270 ล้านหุ้น ขณะที่ครอบครัวธีระรุจินนท์ จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 74.07%

ด้านผลประกอบการของบริษัทในช่วงปี 58-60 บริษัทมีรายได้จากการขาย จำนวน 489.18 ล้านบาท จำนวน 476.52 ล้านบาท และจำนวน 525.15 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราลดลง 2.57% ในปี 59 เนื่องจากเกิดวิกฤตน้ำท่วมภาคใต้ และอัตราเพิ่มขึ้น 10.19% ในปี 60 มาจากการลงทุนในเครื่องจักรเพื่อผลิตถุงพลาสติกเพิ่มขึ้น โดยรายได้หลักของบริษัทมาจากถุงบรรจุอาหาร PP ในสัดส่วน 52.61%

ส่วนกำไรจากการดำเนินงานตามงบการเงิน จำนวน 35.47 ล้านบาท จำนวน 18.79 ล้านบาท และจำนวน 28.84 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรจากการดำเนินงานเมื่อเทียบกับรายได้จากการขายอยู่ที่ 7.25%,  3.94% และ 5.49% ตามลำดับ

โดยการลดลงของอัตรากำไรจากการดำเนินงานสำหรับปี 59 เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรจากการดำเนินงานสำหรับปี 60 เป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลง

ขณะเดียวกัน ณ สิ้นปี 60 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 248.26 ล้านบาท หนี้สินรวม 73.88 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 174.38 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.42 ซึ่งปรับลดลงตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นตามลำดับ

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าอัตรา 30% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและเงินสำรองอื่น

Back to top button