คัด 5 กอง REIT เดือนกรกฏาคม ชูปันผลแจ่ม-ผลตอบแทนจูงใจ

คัด 5 กอง REIT เดือนกรกฏาคม ชูปันผลแจ่ม-ผลตอบแทนจูงใจ


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส ซึ่งได้ทำการคัดเลือกกอง REIT ที่ยังคงมีความน่าสนใจในแง่ของการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ และให้ผลตอบแทนสูง รับมือกับเม็ดเงินไหลออกหลังจากสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา

โดย บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ก.ค.2561) ว่า ทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นแรงกดดันต่อราคาของ REIT และทำให้ความน่าสนใจของสินทรัพย์ทางเลือกในกลุ่มนี้ลดน้อยลง สะท้อนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯครั้งที่ 2 ในวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาซื้อขายกองลดลง 2%

อย่างไรก็ตาม มองว่ากอง REIT ยังน่าสนใจในด้านเงินปันผล คิดเป็น Dividend Yield เฉลี่ย 6% ซึ่งจ่ายสม่ำเสมอ และให้ผลตอบแทนที่น่าจูงใจ หากเทียบกับตราสารหนี้หรือเงินฝาก รวมถึงมีความผันผวนต่ำกว่าหุ้น

สำหรับกองทุนที่เลือกแนะนำในเดือนก.ค. 2561 คือ POPF, QHPF, DIF, WHART, BTSGIF พิจารณาจากกองทุนที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายในระดับที่มากกว่า 2 ล้านบาทต่อวัน, อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่มากกว่า 6% ต่อปี และราคาไม่สูงกว่า NAV มากนัก

1. POPF – กองทุนลงทุนในอาคารสำนักงานให้เช่า ได้แก่ ตึกยูบีซี 2, เพลินจิต เซนเตอร์ และ บางนา ทาวเวอร์ จุดเด่นคือความมั่นคงของรายได้ จากกลุ่มผู้เช่าหลัก ได้แก่ กลุ่มเอราวัณ เตียงฮงและธนาคารกสิกรไทย ประเภทสินทรัพย์เป็นแบบ Leasehold มีอายุคงเหลือเฉลี่ยประมาณ 18 ปี อัตราการเช่าล่าสุดอยู่ที่ 93 % คาดเงินปันผลอยู่ที่ 7.3% ในปีหน้า โดยมีการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาส

2. QHPF – กองทุนลงทุนในอาคารสำนักงานและอาคารพาณิชย์ให้เช่า ได้แก่ ตึกคิวเฮาส์ เพลินจิต, คิวเฮาส์ ลุมพินี และ เวฟเพลส เพลินจิต จุดเด่นคือความมั่นคงของรายได้จากผู้เช่าหลักในกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ประเภทสินทรัพย์เป็นแบบ Leasehold มีอายุคงเหลือเฉลี่ยประมาณ 16 ปี อัตราเช่าล่าสุดอยู่ที่ 95% คาดเงินปันผลอยู่ที่ 7.2% ในปีหน้า โดยมีการจ่ายเงินปันผลทุกๆ 2 เดือน

3. DIF – เป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนในเสาโทรคมนาคม, ไฟเบอร์ออฟติคและบรอดแบนด์ จุดเด่นจากโอกาสขยายงานและเติบโตไปพร้อมๆกับผู้เช่าหลัก (กลุ่มทรู) ประเภทสินทรัพย์มีทั้งแบบ Freehold และ Leasehold แบบมีออฟชั่นที่จะซื้อขาดได้ในอนาคต การเพิ่มทุนที่ผ่านไปแล้วจะช่วยยืดอายุเฉลี่ยสัญญาเช่า จากเดิม 12 ปี เพิ่มเป็น 21 ปี และคาดว่าจะเพิ่มเงินปันผลได้เป็น 7% นอกจากนี้ ยังมีการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาส และยังมีเครดิตเงินปันผลเหลืออีกประมาณ 5 ปี

4. WHART – กองทุนลงทุนในที่ดิน อาคารคลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้าระดับพรีเมี่ยม 8 แห่ง พื้นที่ให้เช่ารวม 9.7 แสนตารางเมตร รวมถึงให้เช่าพื้นที่หลังคา เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 6 แห่ง พื้นที่รวม 3.2 แสนตารางเมตร ครอบคลุมพื้นที่สำคัญในธุรกิจโลจิสติกส์ และมีอัตราการเช่าเฉลี่ย 95% โดยมีสินทรัพย์ทั้งแบบ Freehold และ Leasehold เป็นสัดส่วน 72% และ 28% ตามลำดับ โดย Leasehold มีอายุคงเหลือ 23 ปี คาดการณ์อัตราเงินปันผลที่ 6.3% ต่อปี โดยจะจ่ายปันผลทุกไตรมาส

5. BTSGIF – กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อลงทุนในรายได้ค่าโดยสารสุทธิที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลัก ซึ่งประกอบด้วย 2 สาย (หมอชิต – อ่อนนุช และ สะพานตากสิน – สนามกีฬาแห่งชาติ) มีระยะทางรวม 23.5 กม. และมีอายุเหลือ 11 ปี มีรายได้สม่ำเสมอตามการเติบโตของผู้โดยสารสีเขียวหลัก รวมถึงผู้โดยสาร feed in จากการเปิดสายสีเขียวส่วนต่อขยายใต้ตั้งแต่เดือนธ.ค. 2018 และเขียวเหนือในกลางปี 2020 โดยตั้งแต่ปี 2017/18 ประมาณการจำนวนผู้โดยสารเติบโต 5% CAGR และอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้น 2.9% CAGR นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเข้าลงทุนในเส้นทางใหม่เพิ่มเติมในอนาคต อาทิ ส่วนต่อขยายเหนือ-ใต้, สีชมพู-เหลือง คาดการณ์อัตราเงินปันผลที่ 6.7% ต่อปี และได้รับการยกเว้นภาษีเงินปันผล

Back to top button