IFA ชี้ SPALI เทนเดอร์ฯหุ้น “MK” 4.10 บ. ต่ำกว่าราคาเหมาะสมเท่าตัว แนะผถห.ปฏิเสธข้อเสนอ

IFA ชี้ MK ควรปฏิเสธขายหุ้นให้ SPALI มองเทนเดอร์ฯ 4.10 บ.ต่ำกว่ามูลค่าแท้จริงเท่าตัว แนะผถห.ปฏิเสธข้อเสนอ


สืบเนื่องจากกรณีที่ บริษัท ศุภาลัย พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI ได้ทำคำเสนอซื้อทั้งหมดโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) ในหุ้นทั้งหมดของบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK โดยจะเสนอซื้อหุ้น MK ที่มีอยู่ทั้งหมด 992.01 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 100% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 4.10 บาท ระหว่างวันที่ 25 ก.ค.-5 ก.ย.61

ล่าสุด MK เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันนี้ (17 ส.ค.61) โดยระบุว่า ตามที่บริษัทได้แต่งตั้งบล.ไอ วี โกลบอล เป็นที่ปรึกษาของผู้ถือหุ้น เพื่อแสดงความเห็นต่อคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัท หลังจากที่บริษัท ศุภาลัย พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม SPALI เป็นผู้ทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัท โดยที่ปรึกษาของผู้ถือหุ้น มีความเห็นว่าผู้ถือหุ้นควรปฏิเสธคำเสนอซื้อหุ้นในครั้งนี้ เนื่องจากราคาเสนอซื้อที่ระดับ 4.10 บาท/หุ้นนั้นไม่เหมาะสม ต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมที่อยู่ในช่วง 7.45-10.07 บาท/หุ้น

โดยการประเมินมูลค่ายุติธรรมของหุ้น MK ตามวิธีการประเมินมูลค่าหุ้นที่เหมาะสม ได้แก่ 1.วิธีการปรับปรุงมูลค่าหุ้นตามบัญชี มูลค่ายุติธรรมของหุ้น MK มีมูลค่าเท่ากับ 10.07 บาท/หุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาเสนอซื้อเท่ากับ 5.97 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นสูงกว่า 145.49% ของราคาเสนอซื้อ และ 2.วิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสด พบว่ามูลค่ายุติธรรม ในกรณีฐาน (Base Case) อยู่ที่ 7.88 บาท/หุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาเสนอซื้อ 3.78 บาท/หุ้น หรือสูงกว่า 92.21% ของราคาเสนอซื้อ นอกจากนี้ยังได้ทำการวิเคราะห์ความไว (Sensitivity Analysis) ของปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคายุติธรรม โดยช่วงของราคายุติธรรมจากการวิเคราะห์ความไวระหว่าง 7.45-8.35 บาท/หุ้น ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับราคาเสนอซื้อ พบว่าช่วงของราคายุติธรรมดังกล่าวสูงกว่าราคาเสนอซื้อ 81.60-103.72%

ทั้งนี้ ที่ปรึกษาของผู้ถือหุ้นมีความเห็นว่ามูลค่ายุติธรรมของหุ้นบริษัทที่ได้จากการประเมินด้วยวิธีมูลค่าตามบัญชีที่ปรับปรุงแล้ว และวิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสด อยู่ในช่วงราคา 7.45-10.07 บาท/หุ้น และเมื่อเปรียบเทียบกับราคาเสนอซื้อที่ 4.10 บาท/หุ้น จะเห็นว่าราคาเสนอซื้อต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม

นอกจากนี้บริษัทยังมีการวางแผนทางธุรกิจและแผนในการดำเนินงานของโครงการในอนาคตไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกิจการมีการทำสัญญากับผู้ให้กู้และการทำสัญญาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ อีกทั้ง ยังมีพันธมิตรที่ให้การสนับสนุนแผนการขยายการลทุนและโครงการต่าง ๆ ของกิจการ ดังนั้น หากผู้ทำคำเสนอซื้อมีการปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจ นโยบายการดำเนินธุรกิจ หรือแผนการขยายการลงทุนของกิจการ อาจทำให้แผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตเกิดความล่าช้า ส่งผลให้แผนการดำเนินงานของกิจการไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงการเสียประโยชน์จากการทำสัญญาต่าง ๆ  และการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ

Back to top button