“บีโอไอ”เคาะวงเงิน1.67แสนล้านหนุน 4 โครงการหลัก TOP-GPSC รับเม็ดเงินลงทุน1.61แสนลบ.

"บีโอไอ" เคาะวงเงิน 1.67 แสนล้านหนุน 4 โครงการหลัก TOP-GPSC รับเม็ดเงินลงทุน 1.61 แสนลบ.


นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาให้การส่งเสริมโครงการลงทุนจำนวน 4 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 167,679 ล้านบาท

ประกอบด้วย โครงการที่ 1 บริษัท สยาม เด็นโซ่ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตชิ้นส่วนระบบเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ลดการใช้น้ำมันและการปล่อยมลพิษเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโรใหม่ เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,973 ล้านบาท ตั้งโครงการที่จังหวัดชลบุรี โดยโครงการนี้จะใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศปีละกว่า 2,632.6 ล้านบาท และช่วยสร้างความเข้มแข็งแก่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย

โครงการที่ 2 บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูป เงินลงทุนทั้งสิ้น 156,621 ล้านบาท ตั้งโครงการที่จังหวัดชลบุรี โดยโครงการนี้จะเพิ่มความสามารถในการกลั่นน้ำมันดิบที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะการผลิตน้ำมันอากาศยานและน้ำมันดีเซลเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการขนส่งและเมืองการบินของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี รวมทั้งช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว โดยรองรับความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่เพิ่มขึ้น และยังจะช่วยต่อยอดอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้นอีกด้วย

โครงการที่ 3 บริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ 60 เมกะวัตต์และไอน้ำ 10 ตันต่อชั่วโมง เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,105 ล้านบาท ตั้งโครงการที่จังหวัดปทุมธานี โครงการนี้เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ซึ่งนำอากาศเสียที่มีความร้อนสูงมาใช้ต่อ จึงช่วยประหยัดพลังงาน และเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทย

โครงการที่ 4 บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ 57 เมกะวัตต์และไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,980 ล้านบาท ตั้งโครงการที่จังหวัดระยอง โครงการนี้เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ซึ่งนำอากาศเสียที่มีความร้อนสูงมาใช้ต่อ จึงช่วยประหยัดพลังงาน และเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทย

ทั้งนี้ นางสาวดวงใจ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้บีโอไอจัดเตรียมมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวไปเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวในพื้นที่ หรือเมืองรอง รวมถึงการท่องเที่ยวทางทะเล เช่น โครงการไทยแลนด์ริเวียร่า โดยการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวมีหลายประเภทกิจการที่บีโอไอให้การส่งเสริมอยู่ เช่น เรือเฟอรรี่ ทำท่าเรือท่องเที่ยว สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ ศูนย์แสดงศิลปะวัฒนธรรม ซึ่งทางบีโอไอจะนำไปพิจารณาเพื่อจัดทำมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่นต่อไป

โดย เลขาบีโอไอ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้อนุมัติในหลักการร่างทีโออาร์ที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมาร่วมลงทุนในโครงการขยายท่าเรืออุตสาหกรรม มาบตาพุดในระยะที่ 3 และเข้าข่ายกิจการระบบขนถ่ายสินค้า

“ถ้าหากอยากให้เอกชนที่มารับงานได้รับสิทธิประโยชน์ด้วย ก็ต้องทำเรื่องมาขออนุมัติในหลักการก่อน ก่อนที่จะไปออกเอกสารเพื่อเชิญเอกชนมาประมูล…เป็นการอนุมัติในหลักการและเขาไปใส่บรรุจในทีโออาร์เวลาเปิดการประมูล ทุกคนได้ทราบถ้วนหน้าเวลามาประมูลจะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง” นางสาวดวงใจ กล่าว

ด้าน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวภายหลังประชุมว่า ที่ประชุมฯ ได้สั่งการให้ทางบีโอไอจัดหามาตราการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ทั้งการท่องเที่ยวทางทะเล การท่องเที่ยวในเมืองรอง รวมถึง การส่งเสริมการท่องเที่ยวใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

Back to top button