CMC เคาะราคา IPO ที่ 3 บ./หุ้น เปิดจอง 8-13 พ.ย.61 ปักธงเทรด mai 19 พ.ย.นี้

CMC เคาะราคา IPO ที่ 3 บ./หุ้น เปิดจอง 8-13 พ.ย.61 ปักธงเทรด mai 19 พ.ย.นี้ โดยมี บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย


บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC กำหนดราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 250 ล้านหุ้น ที่ราคา 3.00 บาท/หุ้น พร้อมเปิดจองซื้อวันที่ 8-13 พ.ย. 61 และคาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรกในวันที่ 19 พ.ย.61

ทั้งนี้ CMC เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยมากว่า 24 ปี เน้นประเภทคอนโดมิเนียมเป็นหลักและทำเลแนวเส้นทางรถไฟฟ้า รวมทั้งอาคารสำนักงานให้เช่า และยังมีกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่รับงานโครงการของบริษัทในเครือเป็นหลัก

ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (MBKET) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CMC กล่าวว่า หุ้นไอพีโอจำนวน 250 ล้านหุ้นของ CMC ซึ่งเป็นหุ้นเพิ่มทุนใหม่ทั้งหมด สามารถจองซื้อได้ ในวันที่ 8- 9 และ 12-13 พ.ย.61 ที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง และ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้จัดการร่วมในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย ได้แก่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย), บล.ทิสโก้, บล.เออีซี และ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย)

“ผมเชื่อมั่นว่าหุ้น CMC จะเป็นหุ้น property ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน โดย CMC มีประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กว่า 24 ปี ผ่านวิกฤตต่างๆ มาได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยจำนวนโครงการที่พัฒนาแล้วกว่า 45 โครงการ และพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง พิจารณาได้จาก Gross Profit Margin ของบริษัทที่อยู่ที่ระดับ 40% ต่อเนื่องมากว่า 10 ปี” นายมนตรี กล่าว

ประกอบกับ CMC มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการขายจำนวน 25 โครงการ โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 2 โครงการ และโครงการในอนาคตที่มีแผนพัฒนาเพิ่มเติมอีก 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 16,000 ล้านบาท ที่คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ภายในช่วง 3-4 ปีนี้ ซึ่งนักลงทุนสามารถคาดหวังการเติมโตของรายได้ได้ค่อนข้างชัดเจน

ด้านนายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMC กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมีเนียม ซื้อที่ดิน ตลอดจนชำระหนี้เงินกู้ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการเงิน และคาดว่าภายหลังไอพีโอ อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (D/E) จากปัจจุบันที่ประมาณ 1.8 เท่า จะลดลงเหลือต่ำกว่า 1.3 เท่า และเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานเพื่อต่อยอดธุรกิจ และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยหลังจากการเพิ่มทุนกลุ่มแพทยานันท์ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจะถือหุ้น 75% และนักลงทุนทั่วไปจะถือหุ้นประมาณ 25%

โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างขายทั้งหมด 25 โครงการ มูลค่ารอการรับรู้รายได้กว่า 4,100 ล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการ มูลค่ากว่า 1,900 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าโครงการเหล่านี้จะสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทฯอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้กลุ่มบริษัทฯยังมีแผนจะเปิดขายและพัฒนาโครงการใหม่อีกทั้งหมด 10 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท อนึ่ง บริษัทฯ มีผลประกอบการครึ่งปีแรก 2561 บริษัทฯมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 795 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้น 405 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึงเท่ากับ 41.6% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 336 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 130% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 53 ล้านบาท พร้อมเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมาย

Back to top button