โบรกฯเคาะ 8 หุ้นน่าลงทุน ลุ้นถูกเพิ่มน้ำหนัก MSCI พ่วงราคา Laggard

โบรกฯเคาะ 8 หุ้นน่าลงทุน ลุ้นถูกเพิ่มน้ำหนัก MSCI พ่วงราคา Laggard


น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก จำกัด (GBS) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจาก  MSCI ได้มีการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยรอบใหม่จากเดิม 2.5% เป็น 3% มีผลปลายเดือนพฤษภาคม 2562 และราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับขึ้นจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านจากการที่สหรัฐตรียมใช้กำลังทหารเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามจากอิหร่าน

รวมถึงการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยในการซื้อสินค้าและที่อยู่อาศัยเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี  รวมทั้งปัจจัยใหม่ที่เป็นประเด็นบวกด้านการเมืองในประเทศที่มีความคืบหน้าในการประกาศผลเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขต 349 คนหรือมากกว่า 95% ของส.ส.ทั้งหมด

ส่วนปัจจัยลบที่กดดันในช่วงนี้เป็นความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ใช้เวลาในการเจรจายาวนานมาตั้งแต่ต้นปี  ล่าสุดสหรัฐประกาศเตรียมปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จาก 10% ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้เวลา 12.01 น.ตามเวลาสหรัฐ ทำให้ประเด็นสงครามการค้าที่กลับมามีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาในวันที่ 8 พ.ค. จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) และประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/2562  ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงิน ส่วนจีน เปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนเม.ย. สหรัฐ  เปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

ส่วนวันที่ 9 พ.ค. จีน เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย. สหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย. ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนมี.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค. วันที่ 10 พ.ค. สหรัฐ  เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. และวันที่ 13 พ.ค. จีน เปิดเผยยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนเม.ย.

ด้านนายสรรพกัณฑ์ ปัมทบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากความกังวลสงครามการค้าสหรัฐฯและจีนที่กลับมาอีกครั้งหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐขู่เตรียมเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในวันศุกร์นี้  คาดดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ  1,655 – 1,685  จุด

โดยแนะนำลงทุนหุ้นในตลาด mai ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ หุ้น SPA ได้ประโยชน์จากการช่วงเวลา free Visa on Arrival ช่วยหนุนการเติบโตของรายได้ในช่วง low season  AU มีลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่าร้อยละ 25 รวมทั้งในช่วงไตรมาสแรกเปิดสาขาใหม่อยู่ในย่านท่องเที่ยว  หุ้นTACC ได้รับอานิสงส์ทางอ้อมจากมาตรการท่องเที่ยวช่วยหนุนนักท่องเที่ยวเข้าร้าน 7-11 มากขึ้นรวมทั้งฤดูร้อนและเทศกาลวันหยุดในช่วงสงกรานต์ทำให้ยอดขายสินค้าขยายตัวดีมาก

รวมทั้งหุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักลงทุนในดัชนี MSCI แต่ยัง Laggard (ราคาปรับขึ้นต่ำกว่า 5%YTD) โดยแนะนำหุ้นเด่น ดังนี้ BH, TRUE, IRPC, PTTGC, BDMS, CPN, HMRPO และ SCC

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำรีบาวด์กลับขึ้นมาตามแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีสินค้าจีนล็อตใหม่เพื่อบีบให้จีนยอมถอยในการประชุมลดข้อพิพาททางการค้า ซึ่งมีโอกาสที่จะไม่ได้ข้อยุติ ถ้าหากผลประโยชน์จากการเจรจาเอื้อให้แก่สหรัฐฯเพียงฝ่ายเดียว ในกรณีนี้ ราคาทองคำมีโอกาสจะกลับขึ้นไปอยู่เหนือระดับ  1,300 ดอลลาร์ ได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม สำหรับมุมมองทางเทคนิค ราคาทองคำยังคงแกว่งลง และยังไม่เห็นสัญญาณกลับตัว จึงมีความเสี่ยงขาลงมากกว่า และเนื่องจากแนวโน้มค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวผันผวนอยู่ในกรอบจำกัดระหว่าง 31.85–32.10 บาทต่อดอลลาร์ นักลงทุนจึงควรรอให้ราคาทองคำออกจากช่วงสวิงระหว่าง  1,265–1,290 ดอลลาร์ ค่อยพิจารณาเปิดสถานะตาม

Back to top button