EPG บวกแรง! 6 วันพุ่ง 17% โบรกฯเชียร์”ซื้อ” ชูเป้า6.50บ. คาดกำไรไตรมาสแรกฟื้นเกือบเท่าตัว

EPG บวกแรง! 6 วันพุ่ง 17% โบรกฯเชียร์"ซื้อ" ชูเป้า6.50บ. คาดกำไรไตรมาสแรกฟื้นเกือบเท่าตัว โดย ณ เวลา 15.23 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 5.95 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 5.31% สูงสุดที่ระดับ 5.95 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 68.02 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ณ เวลา 15.23 น. อยู่ที่ระดับ 5.95 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 5.31% สูงสุดที่ระดับ 5.95 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 68.02 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น EPG ปรับตัวขึ้นแรงติดต่อกัน 6 วัน นับตั้งแต่ราคาปิดที่ระดับ 5.05 บาท เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 62 หรือคิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 15%

ด้าน บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ (6 มิ.ย.62) แนะนำ “ซื้อ” EPG ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท/หุ้น โดยกำไรสุทธิปี 2561/62 ลดลง 9% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เป็น 904 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4 ปี 2561/62 เพียง 112 ล้านบาท (ลดลง 52% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, ลดลง 50% จากไตรมาสก่อน) เนื่องจากมีการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน (Employee Benefit) ราว 50 ล้านบาท เข้ามาในไตรมาสสุดท้ายของปี

อีกทั้ง มีผลขาดทุนของ JV ที่ contribute เข้ามา คือ TJM ในออสเตรเลียที่ประสบผลขาดทุน และธุรกิจ JV ของญี่ปุ่น และจีนกำไรลดลง และ JV ในอาฟริกาก็ยังประสบผลขาดทุนจากการเพิ่งเริ่มกิจการ และ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 13 ล้านบาท  ทั้งหมดนี้บริษัทมองว่าเป็นรายการค่าใช้จ่าย One-Time ซึ่งไม่คาดว่าจะเกิดซ้ำในไตรมาสถัดไป

ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1 ของปี 2562/63 ยังคาดหวังว่ากำไรจะขึ้นมาอยู่ในระดับ 220-250 ล้านบาท ฟื้นตัวราว 96% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ทั้งนี้กิจการของบริษัท ในส่วนของธุรกิจ AEROFLEX (วัสดุก่อสร้างประเภทฉนวนกันร้อน) AEROKLAS (ชิ้นส่วนรถยนต์) และ EPP (Packaging) คาดว่ากำลังจะมีแนวโน้มที่สดใสจากการที่ราคาเม็ดพลาสติกปรับตัวลดลง ทั้งส่วนของเอทิลีน (HDPE และ PP) และส่วนของอะโรเมติกส์ (PET) ราคาอ่อนตัวลง YTD ราว 10%-15%

โดยคาดว่าบริษัทเตรียมจะรับรู้ปัจจัยบวกในส่วนนี้ราวไตรมาสที่ 1 ของปี 2562/63 (เม.ย.-มิ.ย. 62) เป็นต้นไป แต่สาเหตุที่ยังไม่ได้ผลบวกจากราคาเม็ดพลาสติกที่อ่อนตัวลงเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2562/63 ยังใช้สต๊อกเม็ดพลาสติกราคาเดิม ซึ่งปกติสั่งซื้อล่วงหน้า 3 เดือน หากราคาวัตถุดิบอ่อนตัวลงมีโอกาสจะทำให้คงอัตรากำไรขั้นต้นได้ 28%-30% อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่แข็งค่ายังคงเป็นอุปสรรคสำหรับการส่งออกบ้าง แต่บริษัทมีการทำ Natural Hedging แม้ยอดขายลดลงแต่ต้นทุนก็ลดลงตาม

อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น EPG ปรับตัวลดลง 23% ในรอบ 3 เดือน และ 16% ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา เกิดจากผลประกอบการผิดไปจากที่คาดการณ์มาก โดยเฉพาะผลประกอบการไตรมาส 4 ของปี 2561/62 ที่มีรายการ One-Time เข้ามาหลายรายการพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ปรับลดประมาณการกำไรปี 2562/63 จาก 1.2 พันล้านบาท เป็น 1.1 พันล้านบาท (ลดลง 10%) ให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจ JV ที่ Contribute กำไรช้ากว่าคาด แต่บริษัทคาดว่าจะได้ประโยชน์จากออเดอร์ของสินค้าใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในปี 2562/63 รวมทั้งผลบวกจากราคาวัตถุดิบสำคัญคือเม็ดพลาสติกราคาปรับตัวลง

ทั้งนี้ คาดการณ์ EPS ในปี 2562/63 ใหม่ที่ 0.40 บาท เมื่อเทียบกับ PER เฉลี่ยตลาดที่ 16.2 เท่า ซึ่งใช้เป็น Benchmark คำนวณ SET จะยังคงได้ราคาเป้าหมายของ EPG ที่ 6.50 บาท มี Upside ราว 20% ราคาหุ้น EPG ต่ำเกินพื้นฐานไปมาก และกำลังจะมีการ Turnaround ของผลกำไร จึงแนะนำซื้อให้ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์รวมดีขึ้นและสามารถเร่งผลกำไรได้เกิน 250 ล้านบาทต่อไตรมาส มีโอกาสที่เราจะปรับประมาณการกำไรขึ้นไปที่เดิมคือราว 1,200-1,300 ล้านบาท ในปี 2562/63 และปรับราคาเหมาะสมขึ้นไป

Back to top button