“ททท.” คาดสัปดาห์หน้า เคาะ “ชิมช้อปใช้-แจก Voucher” กระตุ้นท่องเที่ยว เน้นใช้งบกู้คุ้มค่า

"ททท." เผยหลังหารือ "กระทรวงการคลัง" คาดสัปดาห์หน้าได้ข้อสรุป งัดมาตรการ "ชิมช้อปใช้-แจก Voucher" กระตุ้นท่องเที่ยว เน้นใช้งบเงินกู้ให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด


นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลังว่า กระทรวงคลังได้สั่งให้ ททท.ไปทำมาตรการกระตุ้นไทยเที่ยวไทยมาเสนอหาข้อสรุปอีกครั้งในสัปดาห์หน้า

โดยในวันนี้ (4 มิ.ย.63)​ ททท.ได้เสนอมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวหลายแนวทางเป็นตุ๊กตาให้เลือก แต่กระทรวงคลังให้กลับไปทำข้อสรุปกลับมาว่ามาตรการต่างๆ จะส่งผลให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างไร เช่น การแจกเงินให้เปล่า, การให้ Vocher ส่วนลด หรือ มาตรการชิมช้อปใช้ที่เคยแจกเงิน 1,000 บาทนั้น ในทางปฏิบัติจะกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวได้อย่างไร เมื่อได้เงินไปแล้วจะเกิดการเที่ยวจริงหรือไม่ และมีการเดินทางข้ามจังหวัดหรือไม่ โดยจะต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า เพราะเงินส่วนนี้มาจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท

    “วันนี้พูดคุยเป็นตุ๊กตายังไม่ได้ข้อสรุป คลังให้ ททท.กลับไปทำการบ้านและมาเสนออีกครั้งในสัปดาห์หน้า ส่วนเรื่องแจกเงินก็มีการพูดคุย ไม่เรียกว่าแจก เรียกว่าจ่ายให้เป็นบางส่วน ซึ่งคลังก็ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย แต่ให้ไปดูความคุ้มค่าของการใช้เงินงบประมาณ และวิธีการที่จะใช้จะทำอย่างไร จำนวนคนที่ได้รับสิทธิเป็นอย่างไร ซึ่งหากมีการแจกเงินจริง ต้องแจกเพื่อไปใช้เที่ยว ต้องมีการลทะเบียน เพราะมาตรการนี้คงไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้สิทธิ” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ในหลักการมาตรการจะต้องมีผล 4 เดือน หรือในช่วงเดือน ก.ค.-ต.ค. เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 ช่วงที่ผ่านมา และเป็นการสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางกลับมาเที่ยวเพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ

สำหรับแนวทางที่ ททท.เสนอ คือ 1.สนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์ และอาสาสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เดินทางไปเที่ยว ประมาณ 1.2 ล้านคน เป็นการให้รางวัล ตอบแทนจากที่ทำงานในช่วงโควิดที่ผ่านมา

และ 2.กลุ่มประชาชนทั่วไป หลังจากที่หยุดการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งในช่วง 4 เดือนนี้ถือว่าใกล้เข้าสู่ภาวะปกติ จึงต้องมีมาตรการสนับสนุนให้ท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศที่ 4-5 แสนล้านบาท จากรายได้ท่องเที่ยวทั้งหมด 1.23 ล้านล้านบาท

นายยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากนี้การท่องเที่ยวจะต้องเป็นการท่องเที่ยวแบบวิถีใหม่ ซึ่งจะต้องขอความร่วมมือประชาชนที่จะออกไปเที่ยว ต้องมีการจองก่อนเที่ยว เพื่อลดความแออัด และไม่ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นต้นเหตุให้เกิดการระบาดรอบสอง

สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวขณะนี้ ถือว่าดีขึ้นเมื่อพิจารณาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา แม้ว่าบางพื้นที่โรงแรมจะยังไม่เปิดให้บริการ ซึ่งจะเปิดในช่วง ก.ค. แต่บางพื้นที่ที่เปิดแล้วเช่น พัทยา หัวหิน ก็มียอดจองโรมแรมไปแล้วกว่า 70% ซึ่งคนไทยพร้อมที่จะเดินทางไปเที่ยว แต่ก็ต้องระมัดระวัง ให้เป็นท่องเที่ยวแบบวิถีใหม่ เพื่อไม่ให้การระบาดของโควิด-19 กลับมาอีก

ส่วนกรณีบางแสนในช่วงวันหยุดที่ผ่านมามีคนเดินทางไปเป็นจำนวนมากจนล้นนั้น เป็นไปตามที่คาดไว้ เพราะเป็นช่วงวันหยุด และเป็นสถานที่ที่ไม่ไกล ดังนั้น ททท.อาจจะต้องมีการหารือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคตะวันออกว่าจะวางแผนรับมืออย่างไร

Back to top button