โบรกฯอัพเป้า SINGER สนั่น 14 บ. ชี้กำไรปี 63-64 โตสวนกระแส ทำ “นิวไฮ” รอบ 10 ปี!

โบรกฯอัพเป้า SINGER สนั่น 14 บ. ชี้กำไรปี 63-64 โตสวนกระแส ทำ “นิวไฮ” รอบ 10 ปี!


บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 14 บาทต่อหุ้น ภายหลังจากการเห็นพัฒนาการด้านบวกของบริษัทที่ i) การขายสินค้า SINGER กำลังทำเซอร์ไพรซ์ นอกจากจะไม่ถูกกระทบจากการปิดสาขา ช่วงปิดเมืองและคนอยู่บ้านมากขึ้น เครื่องปรับอากาศ (1/3 ของรายได้) เข้าไฮซีซั่นมียอดขายดีมากจากปกติ 4,000 เป็น 7,000 ตัว ii) สัญญาณ NPL ดีกว่าคาด แนวโน้มลดลงเทียบกับไตรมาสก่อน

ทั้งธุรกิจเช่าซื้อที่กำลังจะต่ำกว่า 10% ขณะ C4C ยังทรงตัวระดับต่ำที่ 0.5% ลูกค้าองค์กรในธุรกิจ logistics (46%) รับผลกระทบจำกัด หนุนภาพรวม NPL ลดลงจาก 8.1% ในไตรมาสก่อนลงเหลือ 7% iii) สินเชื่อใหม่ C4C ยังปล่อยได้ใกล้เคียง เป้าหมายที่ 4-500 ล้านบาท/ไตรมาส เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ 100-110 ล้านบาท ยืนเหนือร้อยล้านเป็นครั้งแรกที่ JMART เข้าบริหาร ทำให้ช่วงครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 190-200 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วทั้งปี

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2563/64 ขึ้น 50% จะทำสถิติใหม่รอบ 10 ปี ธุรกิจเช่าซื้อจะมีโมเมนตัมที่ดีต่อในช่วงที่เหลือของปีจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตาม New normal จะทำให้ i) การเติบโตของธุรกิจภาคชุมชนจะช่วยหนุนสินค้ากลุ่ม Commercial (ตู้แช่, ตู้เติมน้ำมัน) ii) การเติบโตของทีมขายแฟรนไชส์จาก 1.3 เป็ น 2 พันคนภายในสิ้นปี ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส 3-ไตรมาส 4/63 สามารถเติบโตได้เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปีก่อน 30-40 เป็น 50-60 ล้านบาท /ไตรมาส

โดยปรับยอดขาย/กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 7/50% เป็น 2,938/325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24/96% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จะทำลายสถิติเดิมในปี 2556 ที่ 321 ล้านบาท ขณะปี 2564-65 ธุรกิจ C4C จะโตได้ต่อจากทั้งจากพอร์ตและอัตราดอกเบี้ย เรียกเก็บที่ปรับขึ้น หนุนกำไรโตเฉลี่ย 3Yr-CAGR 2562-65F = 34%

ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับประมาณการกำไรที่กำลังยกฐาน จึงปรับราคาเหมาะสมปี 63 ขึ้นเป็น 14.00 บาท/หุ้น โดยอิงกับ Fwd P/E ปี 63 = 17.5 เท่า หรือคิดเป็น PEG 0.5 เท่าบนค่าเฉลี่ย 3 ปี ข้างหน้า

โดยยังมีส่วนลด 10-25% จากหุ้นในกลุ่มผู้นำอย่าง MTC-SAWAD ที่ปัจจุบันเทรดบน P/E ปี 63 ที่ 20-22 เท่า และ P/BV 3-4 เท่า ขณะที่กำไรขยายตัวเฉลี่ย 10-15% จากปีก่อน โดยความเสี่ยง คือ การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ ความเสี่ยงด้านบัญชีลูกหนี้เช่าซื้อ, กฎเกณฑ์นโยบายของภาครัฐ (มาตรการล่าสุดของ ธปท. ไม่กระทบเพราะ i) เช่าซื้อสินค้า/เครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ภายใต้ สคบ. ดูแล ii) ดอกเบี้ยเรียกเก็บ C4C เฉลี่ยอยู่ที่ 15% ยังต่ำกว่าเพดาน 24%

Back to top button