เผลอเป็นขึ้น!

นี่เป็นความรู้สึกที่ “โมนิก้า” อยากจะถ่ายทอดให้กับมิตรรักแฟนเพลงมากสุด เพราะเป็นสถานการณ์ที่ “พลิกไป พลิกมา” แบบไม่ทันตั้งตัว


นี่เป็นความรู้สึกที่ “โมนิก้า” อยากจะถ่ายทอดให้กับมิตรรักแฟนเพลงมากสุด เพราะเป็นสถานการณ์ที่ “พลิกไป พลิกมา” แบบไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะการกระชากของดัชนีขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,305.24 จุด บวกไป 19.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.49 หมื่นล้านบาท มันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายเหลือเกิน อีฉันจึงขอเม้าท์ถึงสถานการณ์ก่อนหน้านี้ มันไม่ได้แสดงอาการให้รู้มาก่อนเลยว่า หุ้นไทยจะพุ่งแรงเลยนะจ๊ะ

โดยเฉพาะท่าทีของ “กองทุน” กับ “ต่างชาติ” ที่เอาแต่รินขายหุ้นไม่หยุดหย่อน จนดัชนีย่อตัวหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,300 จุด และร่วงลงมาเรื่อย ๆ ก่อนจะไปทำโลว์ใต้บริเวณ 1,270 จุด พร้อมกับทำท่าจะย่อตัวลงไปอีก แต่สุดท้ายก็ตีกลับขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับปลุกความหวังว่า เที่ยวนี้จะผ่านขึ้นไปได้อย่างแน่นอน แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นเหมือนที่คิด และม้วนตัวลงมาโลว์เดิม จนวานนี้พุ่งพรวดทีเดียวแบบนี้..อีฉันไปไม่ถูกจริง ๆ เจ้าค่ะ

เนื่องจากเรื่องเดียวที่ “โมนิก้า” คิดออกมาตอนนี้คือเรื่องลดดอกเบี้ย เพราะเป็นประเด็นหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นสำคัญพุ่งกระฉูด ส่วนเรื่องอื่น ๆ เป็นปัจจัยรองที่ต้องรอเวลาให้เห็นเป็นรูปธรรมสักนิดหนึ่ง อีฉันถึงอยากให้นักเล่นจับตาดูท่าทีของนักลงทุนสถาบันวันนี้เป็นไปทางไหน? เพราะวันก่อนเพิ่งเป็นคนที่ดั๊มพ์หุ้นแบบจัดเต็มอยู่เลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้อีฉันรู้สึกติดอยู่ในใจก็เท่านั้นเองค่ะ

เหมือนกับอาการของหุ้น ADVANC ที่ออกลูกแทงกั๊กมาเป็นเดือนว่า เหมือนจะวิ่ง..แต่ก็ไม่วิ่ง และสุดท้ายจบลงด้วยการประคองตัวแถว 290 บาท “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นช่วยประเมินอาการยืนปิดที่ระดับ 292 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 0.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.38 พันล้านบาท เหมาะต่อการเข้าเล่นขนาดไหน? และหุ้นเซื่องซึมนานได้อย่างไร? หรือเกี่ยวข้องกับการเมืองเปลี่ยนขั้วอะป่าว?..ช่วยตอบหน่อยจ้า

ส่วนรายที่มาแบบเนิบ ๆ และเป็นหนึ่งในหุ้นที่ “โมนิก้า” ชอบเม้าท์ถึงในช่วงที่ผ่านมาก็คือ KTC เพราะหลังจากจบปัญหาเรื่องผู้ถือหุ้นใหญ่ถูกฟอร์ซเซล หุ้นก็ตั้งลำขึ้นจากระดับ 24 บาทอย่างช้า ๆ แม้จะมีบางจังหวะโดนเขย่าแรง แต่ก็กลับมาได้แบบมั่นคง  จนวานนี้หุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 31.75 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 537 ล้านบาท ซึ่งรวมเบ็ดเสร็จใช้เวลา 3 เดือนหุ้นขึ้นไป 30% ธรรมดาที่ไหน!

ประเด็นข้างต้นทำให้อีฉันต้องเอ่ยถึงหุ้น GUNKUL เป็นรายถัดมา เพราะอาการกระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.98 บาท บวกไป 0.11 บาท หรือขึ้นไป 5.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 107 ล้านบาท เหมือนเป็นการส่งสัญญาณคนมีของอย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นขาลุยจะกลับมาไล่หุ้นอีกรอบกันทำไม “โมนิก้า” เลยฝากไว้เป็นการบ้านสำหรับขาเผือกสักนิดหนึ่งว่า การเทรดบน PE 10 เท่ามันเสี่ยงไหม

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น SINGER ที่พุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 7.10 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 68 ล้านบาท ก็เป็นอะไรที่สะดุดตาอีฉันมากเหลือเกิน เพราะการขึ้นในลักษณะดังกล่าว เคยเกิดขึ้นในช่วงที่บริษัทกลับมามีกำไรอีกครั้ง ต่อจากนั้นจะมีการรินหุ้นขายออกมาอีกรอบ ก่อนจะเด้งขึ้นแรงรอบใหม่พร้อมกับผลงานที่ออกมาดีตามที่คาดหวัง อีฉันเลยสังหรณ์ใจว่า เที่ยวนี้น่าจะเล่นกันอีกพักใหญ่ ๆ พะยะค่ะ 

เช่นเดียวกับในรายของ TFG ยังเป็นหุ้นที่อีฉันให้ความสนใจเหมือนเดิม เพราะเมื่อดูจากผลงานที่ทำได้ดีในปี 67 และในช่วงครึ่งแรกปี 68 ก็ทำกำไรได้มากกว่าทั้งปี 67 แถมวันนี้หุ้นก็เทรดบน PE 4.24 เท่า “โมนิก้า” จึงมองการยืนปิดที่ระดับ4.94 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 130 ล้านบาท คือจังหวะของคนที่อยากทยอยเก็บหุ้นผลงานดี พ่วงด้วยเงินปันผลในระดับ 5% แบบนี้..มองข้ามไม่ได้จริง ๆ เจ้าค่ะ

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button