“ดาวโจนส์” ทรุดกว่า 500 จุด นลท.ผิดหวังผลประกอบการ “โบอิ้ง” ขาดทุนอ่วม

“ดาวโจนส์” ทรุดกว่า 500 จุด นลท.ผิดหวังผลประกอบการ “โบอิ้ง” ขาดทุนอ่วม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 500 จุดในวันนี้(27ม.ค.64) ขณะที่นักลงทุนผิดหวังต่อการเปิดเผยผลประกอบการของโบอิ้ง โดย ณ เวลา 21.50 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 30,413.02 จุด ลบ 524.02 จุด หรือ 1.69%

ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาด ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 28 ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์

โดยราคาหุ้นโบอิ้งร่วงลงกว่า 3% หลังบริษัทรายงานตัวเลขขาดทุนสุทธิในปีที่แล้วสูงถึง 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขขาดทุนสูงเป็นประวัติการณ์  โดยถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการที่เครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ถูกสั่งห้ามบิน หลังจากเครื่องบิน 2 ลำของรุ่นดังกล่าวได้ประสบอุบัติเหตุในปี 2561 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 346 คน

นอกจากนี้ บริษัทเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 4/2563 โดยประสบภาวะขาดทุนติดต่อกัน 5 ไตรมาส

ทั้งนี้ โบอิ้งเปิดเผยว่า บริษัทมีตัวเลขขาดทุน 15.25 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.80 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ลดลง 37% สู่ระดับ 1.507 หมื่นล้านดอลลาร์ สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะเดียวกันนักลงทุนหันเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ขณะที่เทขายหุ้นกลุ่มที่อิงกับภาวะเศรษฐกิจ

ด้านบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป เปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาดเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของแอปเปิล เฟซบุ๊ก และเทสลา หลังจากปิดตลาดวันนี้

ทั้งนี้ หุ้นบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีต่างดีดตัวขึ้นก่อนหน้านี้ ขานรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค หลังรัฐบาลออกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันต้องทำงานที่บ้านและเรียนหนังสือผ่านระบบออนไลน์

นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ขณะที่ตลาดจะให้ความสนใจต่อถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อดูว่าเฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนหรือไม่ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

Back to top button