JAS ประกาศงบปี 63 รายได้แตะ 1.92 หมื่นลบ. รับฐานลูกค้า “3BB” เพิ่ม หนุน EBITDA โต 69%

JAS ประกาศงบปี 63 รายได้แตะ 1.92 หมื่นลบ. รับฐานลูกค้า "3BB" เพิ่ม หนุน EBITDA โต 69%


บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS รายงานผลการดำเนินงานสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ดังนี้

โดยผลการดำเนินงานงวดปี 2563 มีผลขาดทุนเนื่องจากจากการเริ่มบังคับใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่องสัญญาเช่า ในปี 2563 ส่งผลให้ต้องบันทึกหนี้สินตามสัญญาเช่าและสินทรัพย์สิทธิการใช้สำหรับสัญญาเช่าดำเนินงาน โดยในแต่ละงวดจะรับรู้ดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อมราคาในงบกำไรขาดทุน (จากเดิมค่าเช่าตามสัญญาเช่าดำเนินงานจะถูกบันทึกเป็นต้นทุนขายและบริการหรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน)

ในส่วนของบริษัทฯและบริษัทย่อยนั้น ผลกระทบต่องบการเงินจากการนำมาตรฐานฉบับดังกล่าวมาถือปฏิบัตินั้น หลักๆจะเป็นในส่วนของสัญญาเช่าหลัก (ร้อยละ 80 ของ OFC) ที่ TTTBB ทำกับ JASIF ในปี 2563 TTTBB บันทึกค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายในงบกำไรขาดทุนรวมประมาณ 8,608 ล้านบาท เป็นค่าเสื่อมราคา-สินทรัพย์สิทธิการใช้ จำนวนประมาณ 4,938 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่าย จำนวนประมาณ 3,670 ล้านบาท จากเดิมจะบันทึกเป็นค่าเช่า OFC ในต้นทุนขายและบริการ จำนวนประมาณ 7,039 ล้านบาท ทั้งนี้ มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับดังกล่าวไม่ได้กระทบกับการบันทึกรายการในส่วนของสัญญาประกันรายได้ (ร้อยละ 20 ของ OFC)

อย่างไรก็ดี บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวมจากการดำเนินงานจำนวน 19,237 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งมีรายได้รวมจากการดำเนินงานอยู่ที่ 18,601 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบรนด์ จำกัด (มหาชน) (TTTBB)

อีกทั้งลูกค้าที่ใช้บริการของบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบรนด์ จำกัด (มหาชน) (3BB) เพิ่มขึ้นสุทธิ จำนวน 237,944 ราย ทำให้ ณ สิ้นปี 2563 3BB มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการจำนวน 3.42 ล้านราย ในจำนวนนี้ เป็นลูกค้าที่ใช้บริการจำนวน 3.42 ล้านราย ในจำนวนนี้เป็นลูกค้าที่ใช้บริการ FTTx ประมาณ 2.46 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วน 72% เพิ่มขึ้นจาก 60% ณ สิ้นปี 2562

รวมถึง การออกแพ็คเก็จ GIGA Fiber และ 3BB GIGA TV ในช่วงปี 2563 และการย้ายลูกค้าที่ใช้บริการ xDSL เดิมให้เป็น FTTx ทำให้จำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ FTTx ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2563 ลูกค้าที่ใช้บริการ FTTx มีจำนวนเพิ่มขึ้นสุทธิ 555,457 ราย

นอกจากนี้ EBITDA อยู่ที่ 12,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69% เทียบกับปี 2562 ซึ่ง EBITDA อยู่ที่ 7,190 ล้านบาท คิดเป็น EBITDA Margin ร้อยละ 65 โดย EBITDA ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการบันทึกตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับใหม่ในส่วนสัญญาเช่าหลัก (80% ของ OFC) ทําให้ค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายที่บันทึกในงบกําไรขาดทุนเพิ่มขึ้น (เมื่อเทียบกับการบันทึกบัญชีตามแบบเดิม)

พร้อมกันนี้ บริษัทประกาศงดจ่ายเงินปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2563 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563

Back to top button