UWC เปลี่ยนชื่อใหม่ “สกาย ทาวเวอร์” ชื่อย่อ “STOWER” พร้อมฤกษ์ดีเทรดพรุ่งนี้

UWC เปลี่ยนชื่อใหม่ "สกาย ทาวเวอร์" ชื่อย่อ “STOWER” ฤกษ์ดีเทรดพรุ่งนี้ พร้อมชูกลยุทธ์ "3 S" คือ Speed  Smart และ Synergy  เพื่อสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืน


นายธีรชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ทาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STOWER เปิดเผยว่า ตามที่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ได้มีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท จากเดิม บมจ.เอื้อวิทยา มาเป็น บมจ.สกาย ทาวเวอร์ และเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์ จาก UWC เป็น STOWER บริษัทจะใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่ในการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.64 นี้เป็นต้นไป

โดยการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทในครั้งนี้ เป็นการสะท้อนถึงการปรับตัวให้ทันกับโลกยุคใหม่ และเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญ ทั้งการพัฒนาภายในองค์กร การปรับโครงสร้างทางการเงิน และการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ที่ต่อยอดมาจากประสบการณ์กว่า 54 ปี ในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและโทรคมนาคม อีกทั้งเป็นการยกระดับการดำเนินธุรกิจไปสู่ความเป็นสากลอย่างเต็มรูปแบบ โดยปัจจุบันบริษัทมีบริษัทย่อยในประเทศสิงคโปร์ ภายใต้ชื่อ Ultra Asia Singapore Pte. Ltd. และ SkyTowers Infra Inc. ในประเทศฟิลิปปินส์

STOWER เป็นชื่อย่อหลักทรัพย์ ที่สะท้อน S-Curve ใหม่ ซึ่งบริษัทกำลังก้าวเข้าสู่เฟสใหม่ของวงจรธุรกิจ เพื่อสร้างความเติบโตให้ได้อย่างต่อเนื่อง 5 ปีจากนี้  ทั้งนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการสร้างรายได้จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในปัจจุบันและอนาคต  ซึ่งเป็น MEGA TREND ที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ เทคโนโลยีสมัยใหม่และการสื่อสาร

ทั้งนี้ บริษัทได้เริ่มเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเทเลคอมในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นโอกาสธุรกิจจากความต้องการของประชากรกว่า 110 ล้านคน และเม็ดเงินลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ในธุรกิจเทเลคอม รวมถึงการสนับสนุนในระดับนโยบายของรัฐบาลฟิลิปปินส์

บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตใน S-Curve ใหม่นี้ได้ โดยมีการกำหนดกลยุทธ์ “3 S” คือ Speed  Smart และ Synergy  เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายดังกล่าวและมีความสำเร็จอย่างยั่งยืน (Sustainable Success)  ซึ่งจะสร้างให้ STOWER มีความมั่นคงได้ในระยะยาว

ทั้งนี้ ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นในปีหน้า เศรษฐกิจในหลายประเทศจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและความต้องการของคนจำนวนมาก ที่รวมถึงความต้องการใช้ไฟฟ้าและการสื่อสาร อันจะทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยหลายด้าน รวมถึง Internet of Things และปัญญาประดิษฐ์ (AI)  ซึ่งจะทำให้การใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารเพิ่มขึ้นในทุกมิติ

 

Back to top button