GFPT พุ่ง 8% ลุ้นกำไร Q2 โตเท่าตัว “ส่งออก” หนุน ดันผลงานครึ่งปีหลังฟื้น

GFPT พุ่ง 8% โบรกฯคาดกำไรไตรมาส 2 โตเท่าตัว แตะ 157 ลบ. “ส่งออก” หนุน ดันผลงานครึ่งหลังปี64 ฟื้นรับไฮซีซั่นและราคาวัตถุดิบอ่อนตัวลง แนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 14 บ. 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (21 ก.ค. 2564) ราคาหุ้น บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT ปิดตลาด อยู่ที่ระดับ 12.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ 7.89% โดยทำจุดสูงสุดที่ 12.30 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 11.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 223.42 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ก.ค. 2564 โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157.40% จากไตรมาสก่อนแต่ลดลง 29.50% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว แม้จะยังมีปัญหาวิกฤติขาดแคลนคอนเทนเนอร์ (Container Shortage) กอปรกับปริมาณส่งออกไปจีนยังไม่ฟื้นตัวดีนัก คาดว่าส่วนหนึ่งมาจากราคาหมูในจีนที่ปรับลงแรงมาอยู่ที่ 15 – 16 หยวนต่อกิโลกรัม จาก 25 – 30 หยวนต่อกิโลกรัมในช่วงต้นปี

ส่วนการส่งออกไปญี่ปุ่นและยุโรปยังทรงตัวได้ใกล้เคียงไตรมาส 1/2564 ซึ่งเบื้องต้นคาดปริมาณส่งออกไก่ไตรมาส 2/2564 จะอยู่ที่ 5,600 ตัน เพิ่มขึ้น 1.80% จากไตรมาสก่อนแต่ลดลง 8.20% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว แต่คาดได้รับการชดเชยด้วยปริมาณขายส่งออกทางอ้อม (ขายให้ McKey ที่นำไปผลิตเป็นไก่ปรุงสุกขายให้กับ McDonald เอเชียแปซิฟิค และอังกฤษ) ที่คาดกลับมาฟื้นดี 15% จากไตรมาสก่อนและเพิ่มขึ้น 69% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว เป็น 6,100 ต่อตัน 

ในขณะที่ภาพรวมราคาไก่ในประเทศและส่งออกค่อนไปในทางทรงตัวจึงคาดรายได้รวมไตรมาส 2/2564 เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 9.20% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว และด้วยปริมาณขายที่ดีขึ้นจึงคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะฟื้นกลับสู่ระดับสองหลักอีกครั้งที่ 10.20% จาก 9.50% ในไตรมาส 1/2564 แต่ยังต่ำกว่าปีก่อนที่ 14.30% เพราะต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและคาดส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมจะฟื้นตัวมาอยู่ที่ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118.80% จากไตรมาสก่อนแต่ลดลง 17.60% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว มาจาก GFN ขาดทุนน้อยลง และ McKey มีกำไรดีขึ้น

โดยทางฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองเดิมว่าผ่านกำไรต่ำสุดปีนี้ไปแล้วในไตรมาส 1/2564 ซึ่งคาดกำไรจะฟื้นตัวต่อเนื่องในรึ่งหลังปี2564 จากการฟื้นของการส่งออกเพราะเป็นช่วง High Season และการฟื้นตัวที่ดีของ McKey กอปรกับมองราคาวัตถุดิบจะทรงตัวถึงค่อยๆปรับลงในช่วงครึ่งปีหลัง คาดราคาข้าวโพดจะอ่อนตัวลงอีกครั้งในเดือน ก.ย. – ต.ค. ตามฤดูกาล ส่วนราคากากถั่วเหลืองล่าสุดเริ่มทรงตัวถึงปรับลงเล็กน้อย นอกจากนี้อยู่ระหว่างเตรียมปฏิบัติการ (Operate) สายการผลิตไก่ปรุงสุก 3 สายที่เหลือในช่วงปลายไตรมาส 3/2564 เป็นต้นไป และยังมีปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า เป็นบวกต่อรายได้ส่งออกและน่าจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งหลังปี 2564 ได้

อย่างไรก็ตามด้วยผลกระทบจาก COVID-19, Container Shortage และราคาวัตถุดิบสูงขึ้น กดดันผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก 2564 ดังนั้นทางฝ่ายวิจัยจึงปรับลดกำไรปกติปี 2564 ลง 31% เป็น 720 ล้านบาท หรือลดลง 34.60% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดกำไรจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2565 ราว 60.10% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว เป็น 1,153 ล้านบาท เมื่อสถานการณ์ต่างๆเริ่มคลี่คลายและราคาวัตถุดิบอ่อนตัวลงอีกครั้ง ทั้งนี้ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 14 บาท (อิง PE เดิมที่ 15 เท่า)

Back to top button