DOHOME บวก 4% ลุ้นกำไรไตรมาส 2 นิวไฮ แตะ 554 ลบ.รับยอดขายโตทะลัก

DOHOME บวก 4% ลุ้นกำไรไตรมาส 2 นิวไฮ แตะ 554 ลบ. รับยอดขายโตทะลัก แนะซื้อเคาะเป้า 34 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (2 ส.ค.64) ราคาหุ้นบริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME ณ เวลา 10.14 น. อยู่ที่ระดับ 26.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท หรือ 4.42% โดยทำจุดสูงสุดที่ 26.25 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 25.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 77.75 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ก.ค.2564) โดยประเมินยอดขายของ DOHOME ในไตรมาส 2/2564 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 6.10 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนซึ่งจะทำให้ยอดขายในครึ่งปีหลัง 2564 อยู่ที่ 1.22 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดว่าการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 2/2564 จะแข็งแกร่งที่ 30% (จากในไตรมาส 2/2564 ที่ 22.50%, ในไตรมาส 2/2563 ที่เพิ่มขึ้น 0.4% และสมมติฐานปี 2564 ที่คาดไว้อยู่ที่ 12%) จากผลของฐานที่ต่ำและราคาเหล็กที่ยังสูงต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่า DOHOME จะเปิดสาขาใหม่หนึ่งร้านในไตรมาส 2/2564 ทำให้จำนวนสาขาร้านนั้นทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 26 ร้าน (Size XL&L: 14 ร้าน / To Go: 12 ร้าน)

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นของ DOHOME ในไตรมาส 2/2564 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 22.00% (เพิ่มขึ้น 7.1ppts จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.4ppts จากไตรมาสก่อน) เนื่องจากกลยุทธ์การตลาดของบริษัท กลยุทธ์การจำหน่ายสินค้า House Brand  ราคาเหล็กยังอยู่ในระดับสูง รวมถึง Product Mix ดีขึ้นจากรูปแบบสาขาร้าน และประสิทธิภาพในการต่อรองกับSuppliers ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในครึ่งปีหลัง 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 21.90% (เพิ่มขึ้น 6.7ppts จากงวดเดียวกันของปีก่อน) ดีกว่าสมมติฐานปีนี้ที่ 21.40%

สำหรับกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2564 คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 280% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน จากยอดขายที่แข็งแกร่งและอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิในครึ่งปีแรก 2564 อยู่ที่ 1.10 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 240% จากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 59% ของประมาณกำไรปีนี้ที่ทางฝ่ายวิจัยคาดการณ์

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าราคาเหล็กจะปรับลดลงในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาแต่ก็ยังสูงกว่าเมื่อปีที่แล้ว โดยมองว่าอานิสงส์จากราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นจะจำกัดในครึ่งปีหลัง 2564 ซึ่งทางฝ่ายวิจัยได้ใส่ไว้ในประมาณการเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมองว่ากลยุทธ์อื่นๆจะทำให้บริษัทฯสามารถรักษาอัตรากำไรไว้ได้ในระดับที่สูงและทำให้ผลประกอบการเป็นไปตามที่คาดไว้ (คาดว่ากำไรจะโต 136% จากงวดเดียวกันของปีก่อนในปี 2564) ดังนั้นจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 – 2565 เอาไว้เท่าเดิม ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 34.00 บาท อิงจาก PER ที่ 38.0 เท่า

Back to top button