เปิด 11 รายชื่อหุ้น! โบรกฯฟันธงกำไรไตรมาส 2 นิวไฮ-แถมอัพไซด์กระฉูด

เปิด 11 รายชื่อหุ้น! โบรกฯฟันธงกำไรไตรมาส 2/64 ทำนิวไฮ-แถมอัพไซด์กระฉูด อาทิ DOHOME,BCH,LEO,TACC,NER,CHG,NSL,SIS,BEC,XO,CKP


ช่วงนี้บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเริ่มทยอยประกาศงบงบไตรมาส 2/2564 ออกมาอย่างต่อเนื่องดังนั้นทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมหุ้นที่คาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ออกมาโดดเด่นและทำนิวไฮเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยครั้งนี้ทำการรวบรวมข้อมูลมาจากโบรกเกอร์ชั้นนำของไทย อาทิ บล.เคจีไอ,บล.โนมูระ พัฒนสิน,บล.ฟินันเซีย ไซรัส,บล.เอเชีย เวลท์,บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง,บล.เคทีบีเอสที และบล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ออกมานิวไฮประกอบด้วย DOHOME,BCH, LEO,TACC,NER,CHG,NSL,SIS,BEC,XO,CKP ดังบทวิแคราะห์ระบุไว้ดังนี้ 

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ก.ค.2564) โดยประเมินยอดขาย บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ  DOHOME ในไตรมาส 2/2564 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 6.10 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนซึ่งจะทำให้ยอดขายในครึ่งปีหลัง 2564 อยู่ที่ 1.22 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2564 คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 280% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน จากยอดขายที่แข็งแกร่งและอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิในครึ่งปีแรก 2564 อยู่ที่ 1.10 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 240% จากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 59% ของประมาณกำไรปีนี้ที่ทางฝ่ายวิจัยคาดการณ์

โดยมองว่าอานิสงส์จากราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นจะจำกัดในครึ่งปีหลัง 2564 ซึ่งทางฝ่ายวิจัยได้ใส่ไว้ในประมาณการเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมองว่ากลยุทธ์อื่นๆจะทำให้บริษัทฯสามารถรักษาอัตรากำไรไว้ได้ในระดับที่สูงและทำให้ผลประกอบการเป็นไปตามที่คาดไว้ (คาดว่ากำไรจะโต 136% จากงวดเดียวกันของปีก่อนในปี 2564) ดังนั้นจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 – 2565 เอาไว้เท่าเดิมทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 34.00 บาท อิงจาก PER ที่ 38.0 เท่า

 

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(2ส.ค.64) บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH (TP22F 33*) คาดกำไรไตรมาส 2/2564 เป็น new high ที่ 590 ล้านบาท (+112%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน+82%เทียบไตรมาสก่อนหน้า) เติบโตเด่น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ เทียบไตรมาสก่อนหน้า

เนื่องจาก 1) คาดว่ารายได้ (+96% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน+76%เทียบไตรมาสก่อนหน้า) เติบโตสูงจากมีรายได้เสริมเกี่ยวกับ COVID รวม 2,400 ลบ. (สัดส่วนราว 59% ของรายได้ไตรมาส 2/2564) ประกอบกับ 2) คาด Gross margin ที่ 32.7 % ลดลงเล็กน้อย เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ดีขึ้น เทียบไตรมาสก่อนหน้า การให้บริการการให้บริการตรวจคัดกรอง COVID (%margin ดีกว่าการรักษา) มีสัดส่วนรายได้สูงขึ้น และ outlook ไตรมาส 3/2564 ยังโดดเด่นต่อเนื่อง จากคาดรายได้เสริม COVID-19 อาจดีกว่าประมาณการของและตลาด จากยอดตรวจคัดกรองเชื้อและผู้ป่วยโควิดมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น

โดยประเมินกำไรปี 2564 เติบโตเด่น +37%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1,690 ลบ. จากการเร่งตัวขึ้นของรายได้เสริมเกี่ยวกับ COVID โดยเฉพาะยอดตรวจคัดกรอง และรายได้รักษาผู้ป่วย COVID รวมถึงจากการบริการฉีดวัคซีนทางเลือกในไตรมาส 4/2564

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์(2 ส.ค.64)ว่า บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO คาดกำไรไตรมาส 2/2564 ทำ New High โต 48% เทียบไตรมาสก่อนหน้า,โต 111% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและจะโตต่อเนื่องในไตรมาส 3/2564 จากค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังทำ New High ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2564 ขึ้นเป็น +168% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ +7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 2565 ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 13 บาท แนะนำ “ซื้อ”

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า (4ส.ค.64) บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ TACC  คาดกำไรไตรมาส 2/2564 โต 15% เทียบไตรมาสก่อนหน้า,โต 13% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำ New High จากยอดขายที่แข็งแกร่งของ All Café ที่ขายดีใน Delivery 7-11 และเริ่มขายเครื่องดื่มเข้าLotus’s go fresh แล้ว คาดกำไรดีต่อใน ครึ่งหลังปี 2564 และทำให้กำไรปี  2564-2565 คาดโต 18% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ โต 12% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน  ตามลำดับ คงราคาเป้าหมาย 8.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า (4 ส.ค.64)  บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER แนะนำ“ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9 บาท  กำไรไตรมาส 2/2564 ที่คาด 400 ล้านบาท โต 9% เทียบไตรมาสก่อนหน้า,โต 78% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน  ทำ New High มีโอกาสจะออกมาดีกว่าคาดจากปริมาณขายที่โตแกร่งต่อเนื่อง

ขณะที่คำสั่งซื้อปัจจุบันยาวถึงไตรมาส 4/2564 แล้ว คาดกำไรปี 2564 โตราว 1 เท่าตัว จากปีก่อนเป็น 1.7 พันล้านบาท ขณะที่ด้าน Valuationยังถูกมาก เทรด PE เพียง 8 เท่าและให้ Dividend Yield 5% แนวรับ 7.80//8 บาท แนวต้าน 8.40-8.60 บาท

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ก.ค.2564) ว่า แนะนำ “ซื้อ” บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NSL ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 19 บาท โดยแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2564 ทำ New High เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 107% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากแซนวิชอบร้อนที่เป็นสินค้าขายดของบริการ Delivery ของ 7-11 และดีกว่าผลการดำเนินงานโดยรวมของ CPALL ที่ถูกกระทบจาก COVID-19

สำหรับมาตรการ Lockdown เดือน ก.ค. ล่าสุดไม่กระทบ โดยสินค้าในกลุ่มเบเกอรี่ยังคงขายดี ประมาณการกำไรปี  2564-2565 ที่คาดเพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบจากปีก่อน ตามลำดับ

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO แนะนำ “เก็งกำไร” คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 138 ล้านบาท (+31.4% จากไตรมาสก่อน, +50% จากปีก่อน) ดูดีกว่าเดิมที่เคยคาดไว้ มาจากคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง คาดทำ New High ที่ระดับ 435 ล้านบาท

ทั้งนี้จึงคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่46% ดีขึ้นจาก 45.5% ในไตรมาส 1/64 และ 41.8% ในไตรมาส 2/63 และคาดยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี สัดส่วน SG&A to Sale น่าจะอยู่ในระดับต่ำที่ 13.5% ใกล้เคียงปี ก่อนที่ 13.6% โดยสรุปคาดไตรมาสนี้จะมีผลการดำเนินงานที่สดใสทำ New High ทั้งรายได้ อัตรากำไรขั้นต้น และกำไรสุทธิ

โดยเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ขึ้นเล็กน้อย 6% เป็น 459 ล้านบาท (+44.2% จากปีก่อน) ซึ่งหากกำไรไตรมาส 2/64 เป็นไปตามคาด บริษัทจะมีกำไรสุทธิช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ที่ที่ 243 ล้านบาท (+74.8% จากปีก่อน) จะคิดเป็น 53% ของประมาณการกำไรใหม่ทั้งปีทั้งนี้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2564 ขึ้นเป็น 22 บาท (อิง PE เดิม 20 เท่า)

 

บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ก.ค. 2564) บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG ดยประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 345 ล้านบาท เติบโต 123% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 37% จากไตรมาสก่อน ทำสถิติ New High และคาดรายได้รวมอยู่ที่ 1,768 ล้านบาท เติบโต 54% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 25% จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากรายได้จากบริการเกี่ยวกับ COVID-19 เติบโต จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ทั้งการตรวจคัดกรอง COVID-19 การรักษาผู้ป่วย COVID-19 และ Hospitel

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยปรับกำไรสุทธิปี 2564 เพิ่ม 16% เป็น 1,347 ล้านบาท (จากเดิม 1,166 ล้านบาท) เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด จากรายได้เกี่ยวกับบริการ COVID-19 ทั้งการตรวจ คัดกรอง COVID-19 การรักษาผู้ป่วย COVID-19 และ Hospitel เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในเดือน ก.ค. รวมถึงในช่วงไตรมาส 4/2564 บริษัทจะรับรู้รายได้จากศูนย์หัวใจโรงพยาบาลสมุทรปราการ เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการ แนะนำ “เก็งกำไร” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 4.40 บาท (เดิม 3.90 บาท) อิงวิธี DCF (WACC อยู่ที่ 7% และ Terminal growth rate อยู่ที่ 3%)

 

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ก.ค. 2564) แนะนำ “ซื้อ” บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SIS ราคาเป้าหมาย 45 บาท โดยประเมินว่า ในไตรมาส 2/2564 กำไรสุทธิอยู่ที่ 195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยจะทำจุดสูงสุดใหม่เป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน โดยจากความต้องการซื้อในส่วนของคอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน และยังมี Upside Risk เป็นเพราะจากสถานการณ์ COVID-19 รุนแรงกว่าคาด ทำให้เกิดการ Work from Home ยืดออกไป ผลดังกล่าวยังคงทำให้หนุนกำลังซื้อไปอีกจนถึงปลายปี

 

บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ (27 พ.ค.) บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ  BEC ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 19 บาท อิง PER ปี 2564 ที่ 44 เท่า โดยประเมินกำไรไตรมาส 2 ปี 2564 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 19 ไตรมาส หนุนโดย 1) รายได้โฆษณาที่ขยายตัว โดยเฉพาะรายการข่าวที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากการกลับมาของคุณสรยุทธ นอกจากนี้ละครที่เรตติ้งดีทั้ง early prime time และ prime time

รวมถึง 2) คาดรายได้จาก copyrights ขยายตัวเมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จากรายได้ Global Content Licensing และรายได้ จาก digital platform ที่เพิ่มขึ้น และ 3) EBIT margin ขยายตัว และSG&A expenses ที่ปรับตัวลดลง

นอกจากนี้ BEC ยังได้ประโยชน์จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ระบาดรุนแรงตั้งแต่เดือนเม.ย. ทำให้ work from home และมีเวลาอยู่หน้าจอทีวีมากขึ้น ได้สอบถามไปยังกลุ่มผู้ประกอบการ FMCG หลายๆ แบรนด์เน้นใช้โฆษณาผ่านสื่อทีวีดิจิทัล แทน สื่อ OOH ที่ได้รับผลกระทบจาก traffic ที่ลดลง

ทั้งนี้ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 865 ล้านบาท (จากปี 2563 ที่ขาดทุน 214 ล้านบาท) ผลประกอบการ turnaround ครั้งแรกในรอบ 3 ปีและเป็นกำไรสูงสุดในรอบ 5 ปี

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด แนะนำ “ซื้อ” บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP  ให้ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท โดยคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 แตะระดับสูงสุดใหม่อยู่ที่ 931 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของช่วงไตรมาส 2/2563 ขาดทุนสุทธิ 95 ล้านบาท และเชื่อว่ากำไรจะเร่งขึ้นอีกในไตรมาส 3/2564 ซึ่งเป็นช่วง High season

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button