CHG บวก 3% โบรกฯชี้ปีนี้กำไรเด่น รับรู้ยอดรักษา-ตรวจโควิดหนุน ชูเป้า 4.10 บ.

CHG บวก 3% โบรกฯมองในส่วนรายได้โควิดช่วยหนุนกำไรปีนี้โตแกร่ง ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 576 ลบ. เพิ่มขึ้น 272% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมากกว่าที่ทางฝ่ายวิจัยคาดไว้เพียง 78%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (17 ส.ค. 2564) ราคาหุ้นบริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG ณ เวลา 12.17 น. อยู่ที่ระดับ 4.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท หรือ 3.08% โดยทำจุดสูงสุด 4.04บาท และทำจุดต่ำสุด 3.92 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 299.84 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ส.ค.2564) โดย CHG รายงานกำไรหลักไตรมาส 2/2564 ที่ 576 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 272% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมากกว่าที่ทางฝ่ายวิจัยคาดไว้เพียง 78% โดยได้แรงหนุนจากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับโควิด 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8 เท่าตัว จากไตรมาส 1/2564 จากการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่งที่ 46% จากไตรมาสก่อน และ 81% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 2.10 พันล้านบาท ทำให้ EBITDA Margin ปรับตัวดีขึ้นเป็น 39% ในไตรมาส 2/2564 เพิ่มขึ้นจาก 28.60% ในไตรมาส 1/2564 และ 24.80% ในไตรมาส 2/2563

ทั้งนี้แม้ว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ แต่ทางฝ่ายวิจัยคาดว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลงภายในไตรมาส 4/2564 ดังนั้น รายได้ที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 อาจหายไปอย่างมากในปี 2565 ส่งผลให้กำไรหลักลดลง 30.70% เป็น 1.22 พันล้านบาท และเพิ่มการคาดการณ์กำไรต่อหุ้น EPS สำหรับปี 2565 ขึ้น 52% แต่หลังจากปี 2565 เป็นต้นไป คงประมาณการส่งผลให้ราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้น (TP) 3% เป็น 4.10 บาท แนะนำ “ถือ”

อีกทั้งจากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับโควิด 800 ล้านบาท 500 ล้านบาทมาจากการรักษาโควิด 240 ล้านบาทมาจากการตรวจโควิด และ 60 ล้านบาทจาก ASQ (Alternative State Quarantine) ทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่ารายได้ที่เกี่ยวข้องกับโควิดในไตรมาส 3/2564 จะใกล้เคียงกับที่ CHG ทำได้ในไตรมาส 2/2564 เนื่องจากประเทศไทยยังคงประสบปัญหาจากโควิด ทั้งนี้ในไตรมาส 2/2564 CHG มีรายได้ลดลงจากกลุ่มประกันสังคม 4% จากไตรมาสก่อนแต่เพิ่มขึ้น 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 426 ล้านบาท เนื่องจากการว่างงานในประเทศไทยที่สูงขึ้นและจำนวนผู้ป่วยที่น้อยลง เนื่องจากผู้ป่วยจำนวนมากหลีกเลี่ยงการไปโรงพยาบาลในช่วงโควิด

อย่างไรก็ตามแม้รายได้จากโควิดจะเป็นบวกในระยะสั้น แต่ทางฝ่ายวิจัยคาดว่าสถานการณ์โควิดจะค่อยๆ คลี่คลายลงในไตรมาส 4/2564 เนื่องจากประเทศไทยมีแผนฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชากร 70% ในเดือนตุลาคม 2564 ซึ่งอาจช่วยลดอัตราการติดเชื้อโควิดและจะทำให้รายได้จากโควิดของ CHG ลดลงในไตรมาส 4/2564 และปีต่อๆไป

โดยทางฝ่ายวิจัยนั้นได้ใช้วิธี DCF, WACC 7%, เติบโต 3.10% ประเมินราคาเป้าหมาย และข้ามไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 ซึ่งเชื่อว่าราคาหุ้นตอบรับแนวโน้มที่ดีในครึ่งปีหลังไปแล้ว อีกทั้ง CHG ซื้อขายที่ P/E ปี 2565 ที่ 36.10 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 37 เท่า การเร่งฉีดวัคซีนหากล่าช้าถือเป็นอัพไซด์ที่สำคัญ เนื่องจาก CHG อาจได้รับรายได้ Covid เพิ่มขึ้น

 

Back to top button