TSE วอลุ่มแน่น-บวก 3% จับตากำไรไตรมาส 3 โตแรง! บุ๊กขายโซลาร์ฯ ญี่ปุ่น 1 พันลบ.

TSE วอลุ่มแน่น-บวก 3% จับตากำไรไตรมาส 3 โตแรง! บุ๊กขายโซลาร์ฯ ญี่ปุ่น 1 พันลบ. โบรกแนะซื้อเป้า 3.70 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(3 พ.ย.) ราคาหุ้นบริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE ล่าสุด ณ เวลา 10:45 น. อยู่ที่ 2.78 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 2.96% สูงสุดที่ 2.82 บาท ต่ำสุดที่ 2.72 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 164.41 ล้านบาท

ด้านผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 2564 อยู่ที่ 384.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 248.90 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดกำไรไตรมาส 3/2564 ออกมาโตเด่น จาการขายโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่น 6 โครงการ กำลังผลิตรวม 8.24 เมกะวัตต์ ให้นักลงทุนสถาบัน มูลค่า 1,027 ล้านบาท คาดเตรียมบันทึกกำไรในไตรมาส 3/64

โดยก่อนหน้านี้ นายสมภพ พรหมพนาพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ TSE เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้จำหน่ายเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar PV Farm) ที่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งหมด 6 โครงการ กำลังการผลิตและเสนอขายรวม 8.24 เมกะวัตต์ (MW) ให้กับนักลงทุนสถาบันของประเทศญี่ปุ่น T-Infra 2 Godo Kaisha

โดยเป็นการขายเงินลงทุน 100% ของ Eco Solar Aizu (ESA) และของ Ibaraki Ushiku 1 (IU1) ที่ถือโดย TSE Group International PTE. LTD. และ Solar Assets PTE. LTD. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TSE ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ด้วยมูลค่าการขายโครงการ รวมจำนวน 3,363 ล้านเยน หรือ คิดเป็นประมาณ 1,027 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะบันทึกกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน ภายในไตรมาส 3/2564 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถนำเงินจากการขายเงินลงทุนดังกล่าวไปชำระหนี้สินบางส่วน อีกทั้งยังสามารถใช้ในการลงทุนในโครงการใหม่ด้านพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาเพื่อซื้อกิจการที่ดำเนินการจ่ายไฟและขายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว เพื่อรับรู้รายได้ทันทีและคาดว่าจะรู้ผลการเจรจาเข้าซื้อสำเร็จภายในไตรมาส 4/2564

ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.ย.) ว่า มีมุมมองเป็นกลางต่อการประกาศขายโครงการ solar farm 6 โครงการขนาดรวม 8.24 MW เป็นเงิน 1,027 ล้านบาท (3,363 ล้านเยน) โดยคาดจะกระทบกำไรบริษัทไม่เกินปีละ 15-20 ลบ. (ราว 3% ของกำไรปี 2564) โดยประเมินบริษัทเตรียมนำเงินที่ได้ไปลงทุนในโครงการ solar farm แห่งใหม่ในประเทศไทยที่บริษัทตั้งเป้าลงทุนในปี 2564 และคาดเป็นโครงการที่จะมาเสริมรายได้ทันที ซึ่งจะมาชดเชยกำไรที่หายไปจากโครงการในญี่ปุ่นเหล่านี้ได้ (เงินที่ได้สามารถลงทุนโครงการ solar farm ในประเทศได้ราว 30-40 MW)

อีกทั้งมองว่าการขายบางโครงการหรือโครงการบางส่วนเป็นสิ่งที่บริษัทจำเป็นต้องทำหากต้องการขยายกำลังการผลิต เนื่องจากปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ Onikoube (133 MW) ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งใช้เงินลงทุนจำนวนมาก หากไม่มีการขายโครงการบางส่วนจะทำให้ความสามารถในการลงทุนโครงการใหม่ทำได้จำกัดหรือมีโอกาสที่ต้องเพิ่มทุน เนื่องจากคาด D/E จะใกล้ Debt Covenant ที่ 3 เท่า ในปี 2565

ทั้งนี้ยังคงคำแนะนำ ซื้อ” โดยมีมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ที่ 3.70 บาท อิง SOTP บาท โดยระยะสั้นยังมีปัจจัยบวกจากโครงการใหม่ที่บริษัทตั้งเป้าลงทุน (ยังไม่รวมในประมาณการ) ส่วนภาพระยะกลาง-ยาวยังมี outlook ที่สดใสจากคาดบริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเป็น 259 MW ในปี 2565 (หลังขาย 6 โครงการนี้ อยู่ที่ 126 MW) จากโครงการ Onikoube (solar farm ขนาดใหญ่ 133 MW ในญี่ปุ่นที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ล่าสุดก่อสร้างแล้วกว่า 30% คาดเริ่ม COD ในไตรมาส 4/2565) และยังสามารถเติบโตได้อีกมากจากการขยายฐานธุรกิจจากการทำ M&A

Back to top button