STGT ร่วง 4% โบรกฯหั่นเป้าเหลือ 26 บ. หลังปรับราคาขายเฉลี่ยลง ฉุดกำไร 65-66

STGT ลบ 4% โบรกฯ หั่นเป้าเหลือ 26 บาท สะท้อนราคาขายเฉลี่ยลด ฉุดกำไรนับตั้งแต่ปี 2565-66 ลดลง เหตุจากความต้องการซื้อถุงมือยางสังเคราะห์มีจำนวนน้อยลง และอำนาจในการต่อรองราคาถุงมือยางสังเคราะห์น้อยลง รวมถึงมีปริมาณขายถุงมือยางธรรมชาติที่มีอัตรากำไรต่ำ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ ( 8 พ.ย. 64) ราคาหุ้นของบริษัท ศรีตรังโกล์ฟ จำกัด (มหาชน) หรือ STGT โดย ณ เวลา 12.29 น. อยู่ที่ระดับ 26.75 บาท ลบ 1.00 หรือลบไป 3.60% โดยทำจุดสูงสุดที่ 28.00 บาท และทำต่ำสุดที่ 26.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 576.94 ล้านบาท

บริษัท ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา ประเมินถึงกรณีของหุ้น STGT โดยคาดว่าในไตรมาส 3/2564 กำสุทธิอยู่ที่ 5,100 ล้านบาท ลดลง 30% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่คาดว่าอัตราการเติบโตของปี 2565 กำไรสุทธิจะลดลง 58% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2566 จะลดลง 8% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงอย่างรุนแรง ซึ่งอาจชดเชยได้บางส่วนจากการเติบโตของปริมาณขาย

นอกจากนี้คาดว่าอัตรากำไรในทุกผลิตภัณฑ์จะลดลงในปี 2565 – 2566 จากระดับสูงสุดในปี 2564 โดยอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงจาก 61.50% เป็น 40% ในปี 2566 และอัตรากำไรสุทธิจะลดลงจาก 48.90% เป็น 27.30% ใน 2566

อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทางฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นลบเพิ่มขึ้นต่อแนวโน้มกำไรของ STGT ในไตรมาส 4/2564 – 2566 มาจากราคาขายเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนักที่คาดว่าจะลดลง โดยคาดว่าจะลดลงจาก  63.9 เหรียญต่อ 1,000 ชิ้น ในปี 2564 เป็น  29.9 เหรียญต่อ 1,000 ชิ้น ในปี 2566 ซึ่งยังสูงกว่า 17 เหรียญต่อ 1,000 ชิ้น ก่อน Covid ในปี 2562 ความต้องการจากตลาดที่มีอัตรากำไรสูงในสหรัฐฯ และยุโรปได้ค่อย ๆ กลับสู่ระดับปกติของผู้ขาย ซึ่งทำให้ STGT มีอำนาจในการตั้งราคาถุงมือยางสังเคราะห์น้อยลงกว่าในช่วงปี 2563 – ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 เมื่อโรคระบาด Covid-19 กำลังพุ่งสูงและทำให้อัตราการตายทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยปรับลดคำแนะนำสำหรับ STGT เป็นลดน้ำหนักการลงทุนจากถือและปรับลดราคาเป้าหมายจาก 39 บาท (7 เท่าของค่า P/E ปี 2565) เป็น 26 บาท (6.1 เท่า ของค่า P/E ปี 2565) ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมเมื่อพิจารณาจากค่า P/E 2565 เฉลี่ยที่ 8 เท่า สำหรับคู่แข่งของ STGT ในมาเลเซีย เนื่องจาก STGT มีปริมาณขายถุงมือยางธรรมชาติที่มีอัตรากำไรต่ำมากกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ผลิตถุงมือยางสังเคราะห์ในมาเลเซีย โดยปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้นปี 2564-2566 ลง 2.2-25.2% เพื่อสะท้อนสมมติฐานราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงสำหรับถุงมือทุกชนิด

 

 

Back to top button