TEAMG​ บวกแรง 7% วางเป้ารายได้ปีหน้าโต 10% ตุนแบ็กล็อกแน่น 3.5 พันลบ.

TEAMG​ บวกแรง 7% วางเป้ารายได้ปีหน้าโต 10% ตุนแบ็กล็อกแน่น 3.5 พันลบ. พร้อมอัดงบลงทุน 500 ล้าน ลุยลงทุนธุรกิจน้ำประปา-พลังงานสะอาด-M&A


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(30ธ.ค.)ราคาหุ้นบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG  ณ เวลา 10:57 น. อยู่ที่ 3.12 บาท บวก 0.22 บาท หรือ 7.59% สูงสุดที่ 3.14 บาท ต่ำสุดที่ 2.96 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 79.61  ล้านบาท

ด้านน.ส.นวลแพร ภัทรมัย ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผน และสื่อสารองค์การและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG เปิดเผยว่า บริษัท​ตั้งเป้าหมายในปี 2565 จะมีรายได้รวมเติบโต 10%  เมื่อเทียบกับปี 2564 สอดคล้องกับการทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog)​ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน​ที่มีงานในมือรวมกว่า 3,500 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2565 ประมาณ 30%​ และจะรับรู้รายได้ใหม่ ๆ เข้ามาเสริมพอร์ตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายในการรับงานใหม่อย่างน้อย 2,000 ล้านบาท จากการลงทุนของโครงการภาครัฐบาล​และภาคเอกชน ทั้งโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน โครงการท่าอากาศยาน โครงการอุโมงค์ระบายน้ำ โครงการคลังสินค้า โครงการอสังหาริมทรัพย์​มิกซ์ยูส โครงการในภาคอุตสาหกรรม และโครงการโรงพยาบาลต่าง ๆ เป็นต้น ที่มีโอกาสที่จะเข้าไปประมูลรับงาน

ทั้งนี้บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 2565 ไว้ประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการที่สามารถสร้างฐานรายได้ประจำ ได้แก่ การลงทุนโครงการระบบน้ำประปา เพื่อผลิตน้ำให้กับโรงพยาบาล การลงทุนโครงการโซลาร์รูฟ โครงการพลังงานสะอาดอื่น ๆ และการลงทุนโครงการบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น

ส่วนการเข้าควบรวม หรือซื้อกิจการ (M&A) บริษัทมีการเจรจาอยู่หลายแห่ง ทั้งบริษัท​นวัตกรรม​และ​เทคโนโลยี​ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักเดิมของ TEAMG

“TEAMG พยายามขยายธุรกิจไปยังธุรกิจ​ที่สามารถสร้างรายได้ประจำให้มีสัดส่วนมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายภายในปี 2568 จะต้องมี Profit​ ขยับขึ้นเป็น 10% ของพอร์ตโดยรวม จากเดิมที่มีสัดส่วนเพียง 1-2%”

ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรม​ ประเมินว่า ในส่วนของภาครัฐบาล​จะมีการลงทุนมากขึ้นในปี 2565 เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่รัฐบาลไม่ค่อยมีเงินกระจายในการลงทุนโครงการต่าง ๆ หลังมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปค่อนข้างมาก โดยเบื้องต้นรัฐบาลมีการร่างโครงการขนาดใหญ่หลายแห่งในพื้นที่พัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจ​พิเศษ​ตะวันออก (EEC)​ เช่น เมดิคอล​ฮับ เป็นต้น

ด้านสถานการณ์​การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (โอมิครอน) บริษัทประเมินว่าน่าเป็นห่วง หลังเทศกาลปีใหม่ 2565 เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด อย่างไรก็ตามมองว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงถึงขั้นล็อกดาวน์ทั้งประเทศเหมือนกับไตรมาส 3​/2564 และเชื่อว่าการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะเร่งฉีดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ติดเชื้ออาการไม่รุนแรงมาก

Back to top button