GULF พุ่ง 6% โบรกฯชี้งบปี 65 โต 60% ส่วนแบ่งกำไร “อินทัช” หนุน-จ่อซีโอดีโรงไฟฟ้าเพิ่ม

GULF พุ่ง 6% โบรกฯชี้ผลประกอบการปี 65 เติบโตโดดเด่น 55-60% อานิสงส์ "ซีโอดี" โรงไฟฟ้าหลายแห่ง, รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH, รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในโครงการโอมาน เฟส 1


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (12 ม.ค.2565) ราคาหุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ณ เวลา 16:15 น. อยู่ที่ระดับ 49.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือ 5.91% โดยทำจุดสูงสุดที่ 49.50 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 47.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.66 พันล้านบาท

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรปี 2565 จะเติบโตก้าวกระโดด โดยกำลังการผลิตใหม่เข้ามาเพิ่มในไตรมาส 4/2564 อีกทั้งโรงไฟฟ้ากัลฟ์ เอสอาร์ซี (GSRC) หน่วยที่ 2 กำลังผลิต 662.50 MW ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ กฟผ.ตามกำหนด 1 ต.ค.2564 (หน่วยที่ 1 กำลังผลิต 662.50 MW ได้จ่ายเข้าระบบแล้วเมื่อ 31 มี.ค.2564)

โดย GULF จะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาต่อเนื่องในปี 2565 สำหรับ GSRC หน่วยที่ 3 และ 4 (กำลังผลิตหน่วยละ 662.50 MW) จะ COD ในเดือน มี.ค.และต.ค.2565 ส่วนโรงไฟฟ้ากัลฟ์ พีดี (GPD) กำลังผลิตรวม 2,650 MW จะ COD ระหว่างปี 2566-2567 โดยมีสัญญาขายไฟฟ้ากับกฟผ.เป็นเวลา 25 ปี

อีกทั้ง GULF ได้เซ็นสัญญากับ Singtel สิงคโปร์ร่วมทุนตั้งศูนย์ข้อมูลในไทย เล็งธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่มีแนวโน้มโตแกร่ง

อย่างไรก็ดีผลประกอบการปี 2565 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น 55-60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จาก (1) COD โรงไฟฟ้าใหม่หลายแห่ง (2) รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่เข้าไปถือหุ้น 42.25% เต็มปี และ (3) รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในโครงการโอมาน เฟส 1

ด้านบล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2564 เติบโตสูงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ราว 1.10 พันล้านบาท และการเริ่ม COD โครงการ GSRC#2 อีก 662.50 MW

อีกทั้งมีพัฒนาการทางธุรกิจภายใต้กลุ่ม INTUCH ธุรกิจดิจิทัล และดีล M&A ใหม่ๆจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น โดยล่าสุดเพิ่งจัดตั้ง บจ. กัลฟ์ อินโนวา เพื่อดำเนินธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล รวมถึงร่วมลงทุนกับพันธมิตรเพื่อสร้าง Digital Platform

Back to top button