TKC บวกต่อ 4% รับนักลงทุน VI-กองทุนใหญ่เข้าซื้อ “บิ๊กล็อต” ลุ้นรายได้ปีนี้โต 15%

TKC บวกต่อ 4% รับนักลงทุน VI-กองทุนใหญ่เข้าซื้อ "บิ๊กล็อต" สูงกว่าราคาไอพีโอ ฟากผู้บริหารยันเป้ารายได้ปีนี้โต 15% ตุนแบ็กล็อก 3 พันลบ. เล็งชิงงานใหม่ 1 หมื่นลบ. คาดได้งาน 40-60%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC ณ เวลา 10:08 น. อยู่ที่ระดับ 31.25 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.17% สูงสุดที่ระดับ 31.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 29.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 732.51 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น TKC ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ หลังเข้าจดทะเบียนและเริ่มทำการซื้อขาย ด้วยราคาเสนอขายไอพีโอที่ 18 บาท

ด้านนายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ TKC เปิดเผยว่า ตนขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การตอบรับ TKC ตั้งแต่เปิดจองซื้อหุ้น จนถึงเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

ทั้งนี้ ด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในธุรกิจมากกว่า 18 ปี ทีมผู้บริหารพร้อมที่จะทำหน้าที่อย่างมุ่งมั่นเพื่อพา TKC มุ่งสู่ความเป็นผู้นำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน สอดรับไปกับการพัฒนาเมกะเทรนด์ของประเทศในอนาคต เพื่อให้ TKC เป็นอีกหนึ่งหุ้นคุณภาพของนักลงทุนต่อไป

โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจของบริษัท แบ่งเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย ธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญทั้งระบบโทรคมนาคม ระบบสื่อสารข้อมูล และระบบความปลอดภัยสาธารณะ คิดเป็น 70% และธุรกิจดิจิทัลโซลูชั่นด้านโทรคมนาคม-ระบบสื่อสารข้อมูล มุ่งเน้นเมกะเทรนด์ 5 ด้าน

ได้แก่ 1.Telehealth, Tele-education, Smart Factory 2.5G Use Case เช่น โดรน, รถไร้คนขับ 3.AI, IoT 4.Cloud และ 5.Cyber Security คิดเป็น 25% รวมทั้งงานบริการหลังการขายและงานบำรุงรักษา คิดเป็น 5% ซึ่งจะใช้สนับสนุนแผนการเติบโตของ TKC ในปี 2565-2566 ให้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน โดยสิ้นปี 2564 บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่ง 80% ของ Backlog ดังกล่าว เป็นงานบริการหลังการขาย งานให้บริการและบำรุงรักษา และงานที่เป็นสัญญาระยะยาว จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2565 และต่อเนื่องไปอีก 2 ปีข้างหน้า ส่วนอีก 20% ของ Backlog ดังกล่าว เป็นงานโครงการแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey project) จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2565

นอกจากนี้ หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการเข้าประมูลได้มากขึ้น จากในอดีตที่บริษัทมีความสามารถเข้าประมูลงานได้ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท/ปี โดยในปี 2565 บริษัทมีแผนเข้าประมูลงานใหม่ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท เกี่ยวกับงานด้านวางระบบโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคม สื่อสารข้อมูล และความปลอดภัยสาธารณะ 60-70% ส่วนที่เหลือเป็นงานเกี่ยวกับธุรกิจดิจิทัลโซลูชั่นด้านโทรคมนาคม-ระบบสื่อสารข้อมูล มุ่งเน้นเมกะเทรนด์ 5 ด้านดังกล่าว โดยรวมคาดว่ามีโอกาสได้งานประมาณ 40-60% ของมูลค่างานดังกล่าว

“เรามองว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัล เห็นได้จากการปรับตัวของภาคธุรกิจและโอเปอเรเตอร์ต่าง ๆ ประกาศวิสัยทัศน์ในการมุ่งสู่เทคคอมพานี เพราะเมื่อโครงสร้างพื้นฐานพร้อม จะเป็นโอกาสในการเข้าสู่ยุคดิจิทัล และ TKC เข้ามาขยายตลาดสมาร์ตโซลูชั่นต่าง ๆ ต่อยอดจุดแข็งในการเป็นผู้ให้บริการวางโครงสร้างพื้นฐานด้าน 5G ครบวงจร นอกจากนี้สถานการณ์โควิดยิ่งทำให้เห็นชัดเจนว่าเทคโนโลยีเข้ามาอยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น ทั้งการใช้ชีวิต การทำงาน และจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ทั้งระบบ Cloud ที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นมาก รวมทั้งการให้บริการด้าน Cyber Security เราจึงตั้งเป้าเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการหลักทางด้านนี้ ในอีก 1-3 ปีข้างหน้า” นายสยาม กล่าว

นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า TKC อยู่ในเทรนด์อุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ได้รับอานิสงส์จากนโยบายการลงทุนของรัฐบาลและเอกชน ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อนธุรกิจและการพัฒนาประเทศ

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีจุดแข็งจากความเชี่ยวชาญของผู้บริหารและทีมงาน ส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจดูแลงานโครงการรับเหมาแบบเบ็ดเสร็จจากพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงกลุ่มเจ้าของผลิตภัณฑ์โครงข่ายและรับเหมาโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศ เช่น Huawei, BBTEC, ZTE, Ericsson, Nokia เป็นต้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าเหล่านี้มีแผนจะประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสของ TKC เข้าไปมีส่วนร่วมในความสำเร็จ

Back to top button