MVP ดีดแรง 21% คาดนลท.เข้าเก็งงบ Q4/64 ลุ้นรายได้ “เมตาเวิร์ส” ดันผลงานปี 65 โตเด่น

MVP ดีดแรง 21% คาดนลท.เข้าเก็งงบ Q4/64 ลุ้นรายได้ธุรกิจ “เมตาเวิร์ส” เสริมแกร่งธุรกิจหลักเดิมฟื้น หนุนปี 65 โตเด่น จ่อทยอยรับรู้รายได้ จาก MVP Coin เพิ่มเติม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (11 ก.พ. 2565) ราคาหุ้นบริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP ณ เวลา 14:53 น. อยู่ที่ระดับ 5.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.04 บาท หรือ 21.40% โดยทำจุดสูงสุดที่ 6.15 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 4.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 171.70 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MVP เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2564 อย่างโดดเด่น หลังจากบริษัทฯ ปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆ เข้ามา โดยเฉพาะธุรกิจด้านบล็อกเชน และ Metaverse ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ที่มาจากธุรกิจเทคโนโลยีมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมามากกว่าธุรกิจเดิมที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานอีเว้นท์และการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับในปี 2565 ธุรกิจด้านเทคโนโลยียังมีโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่ออกมาเพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse ซึ่งจะมีการเปิดพื้นที่ในประเทศใหม่ๆ เพิ่มอีก 5 ประเทศภายใต้โปรเจกต์ Metaverse Global ซึ่ง MVP ได้เข้าไปเป็นผู้ร่วมให้บริการขายพื้นที่ บริหารพื้นที่ รวมถึงทำการตลาดและโฆษณา

ทั้งนี้ในปี 2564 Metaverse Global ได้เปิดพื้นที่ไปแล้วใน 2 ประเทศ คือ ประเทศไทย และในเมืองดูไบของสหรัฐฯอาหรับเอมิเรต โดยที่พื้นที่ใน Metaverse ของประเทศไทยในเฟส 1 ที่ทองหล่อมีจำนวน 89,000 บล็อกได้มีผู้เข้ามาจองซื้อไปครบแล้ว และเตรียมเปิดเฟส 2 ในช่วงต้นปี 2565 หลังจากที่บริษัทฯ จะมีการทดสอบระบบและได้รับการอนุญาตจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบเรียบร้อย

ขณะที่พื้นที่ Metaverse ในเมืองดูไบของสหรัฐฯอาหรับเอมิเรตบริเวณ Palm Spring พื้นที่รวม 280,000 บล็อก เปิดให้จองซื้อในรอบแรกเมื่อวานนี้ (วันที่ 21 ธ.ค. 2564) ระยะเวลา 30 นาที มีผู้สนใจเข้ามาจองซื้อไปแล้วกว่า 8,000 บล็อก และจะเปิดรอบ 2 ในวันนี้ (วันที่ 22 ธ.ค.25 64) เวลา 15.00 น. ระยะเวลาจองซื้อ 30 นาที คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้ามาจองเพิ่มเติม ซึ่งยังมองว่าใน 2 รอบแรกส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนไทยที่เข้ามาจองซื้อพื้นที่ดังกล่าว และหลังจากนี้คาดว่าจะมีชาวดูไบและขาวต่างชาติเข้ามาจองซื้อที่ดิน Metaverse ในดูไบเพิ่มขึ้น

โดยกระแส Metaverse ที่กำลังจะได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคตมองว่าเป็นโอกาสที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ของบริษัท ปัจจุบันรายได้ที่มาจาก Metaverse มาจากการจัดหาที่ดิน การบริหารที่ดิน การทำการตลาด และการโฆษณา ซึ่งในอนาคตหากมีการจัดงานต่างๆในโลกของ Metaverse บริษัทฯ ก็จะมีช่องทางสร้างรายได้จากการรับจัดงานในโลก Metaverse เข้ามาเสริมได้เช่นกัน โดยบริษัทฯ วางงบลงทุนไว้ที่ 8 ล้านบาทในปี 2565

ด้านธุรกิจหลักเดิมนั้น บริษัทฯ ได้ทำงานร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการพัฒนาระบบที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โดยใช้ประโยชน์จากบล็อกเชนและโทเคน ซึ่งจะเป็นส่วนที่เข้ามาช่วยในการผลักดันภาคการท่องเที่ยวไทยให้ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งจะเห็นความชัดเจนในช่วงต้นปี 2565

ส่วนของรถบ้านคาราวานของบริษัทฯ นั้น หากการท่องเที่ยวไทยกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้ดี บริษัทฯ วางแผนในปี 2565 จะเพิ่มจำนวนรถบ้านคาราวานอีก 200 คัน จากปัจจุบันมีอยู่ 148 คัน ซึ่งยังคงต้องดูสถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 ในปีหน้าว่าจะคลี่คลายลงอย่างชัดเจนหรือไม่ รวมถึงการกระตุ้นให้ผู้ที่ถือเหรียญ MVP Coin นำเหรียญไปใช้บริการต่างๆ ที่บริษัทได้เข้าร่วม ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้เข้ามา โดยในปี 2564 บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้จาก MVP Coin เข้ามาแล้ว 82 ล้านบาท เหลืออีก 147 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้เข้ามาในปี 2565

นอกจากนี้ธุรกิจการจัดงานอีเว้นท์ในปี 2565 บริษัทฯ วางแผนการจัดงาน Mobile Expo 2 ครั้ง ได้แก่ ช่วงเดือนก.พ. 2565 ที่ไบเทคบางนา และในเดือนต.ค. 2565 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจะมีพื้นที่การจัดงานที่มีขนาดใหญ่กว่าไบเทคบางนาถึง 2 เท่า โดยที่บริษัทฯ ประเมินว่าหากในปีหน้าสามารถกลับมาจัดงานจัดงาน Mobile Expo ได้ตามแผน จะทำให้รายได้จากการจัดงานกลับมาหนุนธุรกิจให้ฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่นมาก

ผลการดำเนินงานของ MVP ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากที่เรามีการปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจเทคโนโลยี ซึ่งสามารถสร้างรายได้ใหม่ๆเข้ามาได้มาก และไม่ได้รับผลกระทบจากโควิดเหมือนกับธุรกิจหลักของเรา ซึ่งในปี 2564 ก็คาดว่าผลขาดทุนคงจะไม่มีแล้ว ก็คงจะมีกำไรได้ และเติบโตขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า” นายโอภาส กล่าว

ทั้งนี้ MVP จะมีการย้ายกลุ่มอุตสาหกรรมในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จากกลุ่มธุรกิจบริการไปเป็นธุรกิจเทคโนโลยีในช่วงต้นปี 2565 หลังจากสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเทคโนโลยีมีมากกว่าธุรกิจจัดงานอีเว้นท์ค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทฯ ได้มีการปรึกษากับตลาดหลักทรัพย์ฯในการย้ายกลุ่มธุรกิจดังกล่าว

Back to top button