“บ้านปู เพาเวอร์”ขายหุ้นเพิ่มทุน 648.49 ล้านหุ้นให้ผู้ถือหุ้น BANPU-นักลงทุนทั่วไป

ก.ล.ต.เผย"บ้านปู เพาเวอร์" ยื่นไฟลิ่งแรกเมื่อวันที่ 26 ต.ค.58 ขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 648,492,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เข้าจดทะเบียน SET มีบล.ธนชาต, บล.บัวหลวง และบริษัท เดอะ ควอนท์ กรุ๊ป จำกัด เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ส่วนผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย คือ บล.กสิกรไทย, บล.ธนชาต และบล.บัวหลวง โดยแบ่งเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU จำนวนไม่เกิน 210 ล้านหุ้น และเสนอขายประชาชน และผู้ซื้อหลักทรัพย์เบื้องต้นในต่างประเทศ จำนวนไม่เกิน 438,492,500 หุ้น


สำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ระบุว่า บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน(Filing) version แรก เมื่อวันที่ 26 ต.ค.58  เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 648,492,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท

โดยบริษัทต้องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค มีบล.ธนชาต, บล.บัวหลวง และบริษัท เดอะ ควอนท์ กรุ๊ป จำกัด เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ส่วนผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย คือ บล.กสิกรไทย, บล.ธนชาต และบล.บัวหลวง 

ทั้งนี้ บริษัทจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว แบ่งเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU จำนวนไม่เกิน 210 ล้านหุ้น และเสนอขายประชาชน และผู้ซื้อหลักทรัพย์เบื้องต้นในต่างประเทศ จำนวนไม่เกิน 438,492,500 หุ้น วัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืม, ลงทุนขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน        

สำหรับ บ้านปู เพาเวอร์ ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลักด้านการผลิต และจำหน่ายไฟฟ้า ทั้งโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานที่ใช้แล้วหมดไป และโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องในปลายประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว จีน และญึ่ปุ่น โดยมี BANPU เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 100% โดยหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิแล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 65%

ณ วันที่ 30 มิ.ย.58 บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการลงทุนที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวมทั้งสิ้น 1,358 เมกะวัตต์เทียบเท่า แบ่งเป็นกำลังการผลิตที่ใข้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง 1,210.4 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตไอน้ำ 813 ตันต่อชั่วโมง และกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2.4 เมกะวัตต์(ไฟฟ้ากระแสสลับ)

“บ้านปู เพาเวอร์” ถือหุ้นทางอ้อมใน บริษัท บีแอลซีพี ในสัดส่วน 50% ประกอบกิจการโรงไฟฟ้าถ่านหินใน จ.ระยอง ขนาด 1,434 เมกะวัตต์, ถือหุ้นในบริษัท หงสา ในสัดส่วน 40% ประกอบกิจการโรงไฟฟ้าหงสาในประเทศลาว กำลังการผลิตติดตั้ง 1,878 เมกะวัตต์,

รวมทั้ง เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานร่วมในจีน ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 3 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานร่วมเจิ้งติ้ง 73 เมกะวัตต์ ผลิตไอน้ำ 370 ตันต่อชั่วโมง โรงไฟฟ้าพลังงานร่วมหลวนหนาน 100 เมกะวัตต์ ผลิตไอน้ำ 128 ตันต่อชั่วโมง และ โรงไฟฟ้าร่วมโจวผิง 100 เมกะวัตต์ ผลิตไอน้ำ 450 ตันต่อชั่วโมง ซึ่งโรงไฟฟ้าหลวนหนานและโจวผิง อยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตอีกแห่งละ 25 เมกะวัตต์ และ ไอน้ำแห่งละ 150 ตันต่อชั่วโมง

นอกจากนั้น บริษัทยังถือหุ้นทางอ้อมในบริษัท ซานซีลู่กวง ราว 30% ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด”อัลตรา ซุเปอร์คริทิเคิล”ตั้งอยู่ในมณฑลซานซี คือ โรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง จะมีกำลังการผลิตติดตั้งทั้ง 2 หน่วย รวมจำนวน 1,320 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในเดือน ต.ค.60 และ เดือน ธ.ค.60 ตามลำดับ

พร้อมกันนั้น บริษัทยังขยายฐานลงทุนไปยังโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์)หลายโครงการในประเทศญี่ปุ่น ภายใต้การลงทุนรูปแบบโครงสร้างการเป็นหุ้นส่วนแบบญี่ปุ่น หรือ โทคุเมอิ คุมิโอ ประกอบด้วย โครงการโซลาร์ฟาร์ม 7 โครงการ สัดส่วนถือหุ้นระหว่าง 40-70% ซึ่งโครงการแรกได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปแล้ว กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการร่วมทุน 2.4 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 58-60

ดังนั้น บริษัทจึงมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนที่อยู่ระหว่างการพัฒนารวม 1,036.5 เมกะวัตต์เทียบเท่า แบ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน 939.3 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 255 ตันต่อชั่วโมง และ โซลาร์ 51.7 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทล่าสุดในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้รวม 3,057.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,577.6 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ที่ 8.4 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 3,197 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,290.5 ล้านบาท ส่วนทั้งปี 57 บริษัทมีรายได้รวม 5,826.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,997.4 ล้านบาท 

Back to top button