“กลุ่มท่องเที่ยว” ยกทีมบวก! ขานรับไทยจ่อประกาศ “โควิด” โรคประจำถิ่นกลางปีนี้

MINT, CENTEL, SHR, ERW, AOT บวก! ขานรับไทยเตรียมเปิดประเทศเต็มรูปแบบหากโควิดเป็นโรคประจำถิ่นกลางปีนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (10 มี.ค. 2565) ณ เวลา 11:59 น. ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวปรับขึ้นตอบรับไทยเตรียมประกาศโควิดเป็นโรคประจำถิ่นในกลางปีนี้ นำโดยราคาหุ้นบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT อยู่ที่ระดับ 31.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 4.17% โดยทำจุดสูงสุดที่ 31.25 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 30.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 395.19 ล้านบาท

บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL อยู่ที่ระดับ 37.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 4.17% โดยทำจุดสูงสุดที่ 38 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 36.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 169.65 ล้านบาท

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR อยู่ที่ระดับ 3.36 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 3.07% โดยทำจุดสูงสุดที่ 3.40 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 3.28 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 17.01 ล้านบาท

บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW อยู่ที่ระดับ 3.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท หรือ 1.28% โดยทำจุดสูงสุดที่ 3.20 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 3.14 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 15.47 ล้านบาท

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT อยู่ที่ระดับ 64.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.39% โดยทำจุดสูงสุดที่ 64.75 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 64 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 666.66 ล้านบาท

บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อการจัดให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น เพราะเป็นการเปิดทางให้มีการเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มท่องเที่ยว เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาเดินทางท่องเที่ยวและมีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้มากกว่าคาด โดยกลุ่มท่องเที่ยวเราคาดว่าหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมาก-น้อยเรียงตามสัดส่วนรายได้ในประเทศไทยจากมาก-น้อยคือ ERW (90%), CENTEL (80%), MINT (15%) และ SHR (5%)

อีกทั้งยังคงน้ำหนักกลุ่มท่องเที่ยวเป็น “มากกว่าตลาด” โดยยังชอบ MINT (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท) จากยุโรปที่ฟื้นตัวเร็วกว่าไทย และชอบ CENTEL (ซื้อ/เป้า 45.00 บาท) เพราะจะเห็นการฟื้นตัวได้ดีทั้งโรงแรมและอาหาร ขณะที่วานนี้หุ้นท่องเที่ยวในยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ทำให้เราคาดว่า MINT และ SHR (ซื้อ/เป้า 4.50 บาท) จะปรับตัวขึ้น Outperform กลุ่มได้

นอกจากนี้ยังมองบวกต่อ ERW (ซื้อ/เป้า 3.50 บาท) เพราะได้รับประโยชน์จากประเด็นนี้มากที่สุด รวมทั้งจะได้ผลบวกต่อ AAV (ถือ/เป้า 2.80 บาท) ได้ผลบวกจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศกลับมาเป็นปกติ และมีโอกาสเปิดเที่ยวบินต่างประเทศเพิ่ม และ AOT (ซื้อ/เป้า 72.00 บาท) ได้ประโยชน์จากจานวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ไทยเตรียมประกาศโควิดเป็นโรคประจำถิ่นคาดเริ่มวันที่ 1 ก.ค. โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) แถลงหลักการจัดการตามแผนและมาตรการรองรับการเปลี่ยนผ่านการระบาดของโรคโควิด-19 สู่โรคประจำถิ่น โดยมีแผนรองรับการเข้าสู่ Endemic approach แบ่งออกเป็น 4 เดือน เรียกว่า 3 บวก 1 (4 ระยะ) ดังนี้

ระยะที่ 1 (12 มี.ค.-ต้นเม.ย.) เรียกว่า Combatting เป็นระยะต่อสู้ ออกแรงกดตัวเลขไม่ให้สูงกว่านี้ เพื่อลดการระบาดและความรุนแรงลง จะมีมาตรการต่างๆ ออกไป การดำเนินการให้กักตัวลดลง

ระยะที่ 2 (เม.ย.-พ.ค.) เรียกว่า Plateau คือ การคงระดับผู้ติดเชื้อไม่ให้สูงขึ้น เป็นระนาบจนลดลงเรื่อยๆ

ระยะที่ 3 (ปลาย พ.ค.-30 มิ.ย.) เรียกว่า Declining ลดจานวน ผู้ติดเชื้อลงให้เหลือ 1-2 พันราย

ระยะที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2565 เป็นต้นไป เรียกว่า Post pandemic คือ ออกจากโรคระบาดเข้าสู่โรคประจำถิ่น

Back to top button