KSL-BRR วิ่งฉิว! เก็งผลงาน Q2 แกร่ง รับไฮซีซั่น-ราคาน้ำตาลขึ้น

KSL-BRR วิ่งฉิว! เก็งผลงาน Q2 แกร่ง รับไฮซีซั่นของกระบวนการผลิต และราคาน้ำตาลมีการปรับเพิ่มขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (29 เม.ย. 2565) ณ เวลา 11:28 น. ราคาหุ้นบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL อยู่ที่ระดับ 4.08 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 5.15% โดยทำจุดสูงสุดที่ 4.10 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 3.88 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 135.18 ล้านบาท

บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR อยู่ที่ระดับ 5.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 4.81% โดยทำจุดสูงสุดที่ 5.60 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 5.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.25 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินเกี่ยวกับหุ้น KSL โดยระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 2/65 (ก.พ.-เม.ย.2565) จะฟื้นตัวสดใสโตทั้งจากไตรมาสก่อนและปีก่อนเพราะเป็น High Season ของกระบวนการผลิต ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับสูงสุดของปี หนุนการฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้น และคาดปริมาณขายน้ำตาลจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของโควิด ขณะที่สต็อกเก่าขายหมดไปในไตรมาส 1/2565 ส่วนในไตรมาส 2/2565 จะเป็นน้ำตาลล็อตใหม่ที่มีราคาขายสูงขึ้น และคาดกำไรอาจยังทรงตัวได้ดีในไตรมาส 3/2565 ก่อนจะอ่อนตัวลงเป็นจุดต่ำสุดของปีในไตรมาส 4/65 ตามปัจจัยฤดูกาล

ทั้งนี้ ผู้บริหารให้มุมมองราคาน้ำตาลในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าจะทรงตัวสูงในกรอบ 19-20 เซนต์ต่อปอนด์ สูงขึ้น 6%-12% จากปีก่อนโดยมี 3 ปัจจัยบวกคือ 1.ราคาน้ำมันดิบยังอยู่ในระดับสูง จะช่วยหนุนให้บราซิลมีการนำอ้อยไปผลิตเป็นเอทานอลเพิ่มขึ้นจากที่คาดสัดส่วนไว้ 55% (อีก 45% นำไปผลิตน้ำตาล) อาจขยับไปได้ถึง 65%

2.สต็อกน้ำตาลยังอยู่ในระดับต่ำหลังขาดดุล 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศผู้บริโภคจึงทยอย Restock น้ำตาลอย่างต่อเนื่อง และ 3.ค่าเงินเรียลบราซิลต่อ USD แข็งค่า ถือเป็นลบต่อผู้ส่งออกน้ำตาล อาจทำให้มีการชะลอส่งออกชั่วคราวเชื่อว่าทั้ง 3 ประเด็นน่าจะพอหักล้างปัจจัยลบต่อราคาน้ำตาลได้ ซึ่งคือคาดภาวะน้ำตาลโลกปีหน้า 2565/2566 จะพลิกเป็นเกินดุลในรอบ 3 ปีราว 2.45 ล้านตัน (ผลผลิตไทยและอินเดียเพิ่มขึ้น) จากที่ คาดขาดดุลในปี 2563/2564 – 2564/2565 ลดลงที่ 2.25 ล้านตัน และลดลง 0.1 ล้านตัน ตามลำดับ อย่างไรก็ตามคงมุมมองระมัดระวังมากขึ้น หากราคาน้ำมันดิบปรับลงเร็ว อาจส่งผลให้ราคาน้ำตาลปรับลงเร็วกว่าคาดก็เป็นได้

โดยปัจจุบันอนท.และบริษัทได้ล็อกราคาขายน้ำตาลล่วงหน้าครอบคลุมปี 2565 ที่ระดับราคาเฉลี่ย 20.4 เซนต์ต่อปอนด์ เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน และเริ่มทยอยล็อกราคาของปี 2566 แล้วราว 20% ที่ระดับราคาใกล้เคียงปีนี้

ขณะที่ผลผลิตอ้อยปี 2565 ของบริษัทเพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อน เป็น 6.48 ล้านตันอ้อย เป็นไปในทิศทางเดียวกับอ้อยทั้งประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อน เป็น 90 ล้านตันอ้อย สูงสุดในรอบ 3 ปี จะส่งผลบวกต่อไปยังธุรกิจ ต่อเนื่องทั้งโรงไฟฟ้า และเอทานอล ทำให้มีเชื้อเพลิงมากขึ้น ลดการซื้อเชื้อเชื้อเพลิงจากภายนอก จึงคาดเห็นการฟื้นตัวทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565 กลับมาสดใสอีกครั้ง และคาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเติบโตเป็น 1,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92% จากปีก่อน คงราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 4.70 บาท (อิง PBV 1 เท่า)

Back to top button