WICE บวกแรง 4% ครึ่งหลังเข้าไฮซีซั่น มั่นใจดันรายได้ปีนี้พุ่ง 9 พันล้าน

WICE บวกแรง 4% ครึ่งหลังเข้าไฮซีซั่น เล็งเปิดคลังสินค้าช่วงปลายปีนี้อีก 5,000 ตารางเมตร มั่นใจรายได้ปีนี้ตามนัดโต 20% แตะ 9,000 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(13 ก.ย.65) บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ณ เวลา 10:09 น. อยู่ที่ระดับ 13.10 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 3.97% สูงสุดที่ระดับ 13.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 12.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 77.71 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ WICE เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ ส่งผลให้ปริมาณความต้องการขนส่งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) และบริการขนส่งข้ามแดน (Cross Border Service) ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมุ่งเน้นการจัดการต้นทุนขนส่งเพื่อสร้างอัตรากำไรที่ดี อีกทั้งยังมีแผนขยายตลาดยุโรปเพิ่มในนาคต จึงมีความมั่นใจว่าปีนี้บริษัทมีรายได้ 9,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% ได้ตามเป้าหมาย

ทั้งนี้ คาด Sea Freight ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีปริมาณงานเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงครึ่งปีแรก ที่สามารถขนส่งสินค้าได้ 5,091 TEUS หรือคิดเป็น 51% ของเป้าหมายทั้งปีที่คาดไว้ 10,000 TEUS จากการขยายตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนค่าขนส่ง (Cost Freight Management) อย่างต่อเนื่อง เพื่อความสามารถในการทำอัตรากำไรขั้นต้นให้เพิ่มขึ้นเป็น 20% จากเดิมอยู่ที่ 16.5% ประกอบกับการบริการต้นทุนร่วมกันกับสาขาในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรองต้นทุนได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมความร่วมมือระหว่างบริษัทในเครือทั้ง 9 แห่ง เพื่อเพิ่มปริมาณขนส่งในประเทศสหรัฐอเมริกา และรองรับการย้ายฐานการผลิตของประเทศจีน ก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าเช่นเดียวกัน โดยครึ่งปีแรกสามารถขนส่งได้จำนวน 1,702 TEUS หรือคิดเป็น 56.73% จากเป้าหมายที่วางไว้ 3,000 TEUS

สำหรับการขนส่งทางอากาศ (Air Freight) คาดจะมีปริมาณงานเพิ่มขึ้น 10% โดยในครึ่งปีหลังนี้ถือเป็นช่วงไฮซีซั่น จะทำให้ปริมาณงานขนส่งทางอากาศเพิ่มขึ้น จากการเปิดประเทศในหลายประเทศ จะส่งผลให้มีไฟลท์บินในการรับสินค้าได้มากขึ้น และคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 18% จากการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น

ขณะที่ Cross Border Service ในช่วงครึ่งปีหลังคาดจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงครึ่งปีแรก โดยได้รับปัจจัยบวกจากการกลับมาเปิดด่านในประเทศจีนช่วงเดือน ก.ค. 2565 หลังจากปิดด่านไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และปัจจุบันการขนส่งที่ด่านก็เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว มีปริมาณการขนส่งข้ามแดนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เห็นได้จากเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ที่มีปริมาณการขนส่งข้ามแดนเพิ่มขึ้น 11% จึงคาดว่าปริมาณการขนส่งข้ามแดนในครึ่งปีหลังนี้จะกลับมาเป็นปกติได้ ทั้งนี้บริษัทยังได้วางมาตรการรองรับกรณีที่ด่านมีปัญหาอีกในอนาคต ได้แก่ เปลี่ยนไปใช้ด่านอื่น ด่านสำรอง และนำเสนอให้ใช้ Road+Railway service เป็นต้น

ด้านธุรกิจ Supply Chain Solution ที่ผ่านมา บริษัทได้รับงานการให้บริการคลังสินค้าแบบออนไซต์ (Onsite Warehouse Management) ให้กับบริษัทในกลุ่มสินค้าประเภทบรรจุภัณฑ์ของบริษัทในเครือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC พื้นที่ขนาด 15,000 ตารางเมตร ระยะเวลา 4 ปี มูลค่าสัญญา 120 ล้านบาท โดยได้เริ่มดำเนินงานไปแล้วในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา และรับรู้รายได้แล้ว ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนที่จะเปิดคลังสินค้าเพิ่มอีกในช่วงปลายปีนี้ประมาณ 5,000 ตารางเมตร

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันอยู่ประมาณ  2-3 ดีล โดยมีทั้งการควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A), การร่วมลงทุน (Joint Venture หรือ JV) และการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อขยายความร่วมมือในหลากหลายรูปแบบ

ส่วนความคืบหน้าการเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (ETL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย คาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ในช่วงปลายปีนี้ และคาดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นได้ในช่วงต้นปี 2566

Back to top button