ILINK ดีดแรง 5% รับงานเคเบิลใต้น้ำเกาะเต่า 1.7 พันล้าน เริ่มบุ๊กรายได้ Q4

ILINK ดีดแรง 5% ราคาแตะ 7.85 บ. หลังคว้างานเคเบิลใต้น้ำเกาะเต่า 1.7 พันล้าน เริ่มบุ๊กรายได้ไตรมาส 4/65 ราว 5% โบรกแนะซื้อเป้า 9.50 บ. ประเมินกำไรปี 66-67 โตเฉลี่ย 12% ต่อปี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ต.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ล่าสุด ณ เวลา 10:14 น. อยู่ที่ระดับ 7.85 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 5.37% สูงสุดที่ระดับ 7.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 6.98 ล้านบาท

ทั้งนี้ราคาหุ้น ILINK หลังบริษัทฯ ได้ร่วมกับ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เพาเวอร์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ในนาม “INTERLINK CONSORTIUM” เป็นผู้ชนะการประกวดราคา และได้รับหนังสือสั่งจ้าง “งานจ้างก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำ ระบบ 33 เควี ไปยังเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)” จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแล้ว มูลค่างาน 1,786,170,260 บาท

ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ต.ค.65) ว่า มองเป็น “บวก” ต่อหุ้น ILINK  เนื่องจากบริษัทได้งานก่อสร้างสายเคเบิ้ลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า มูลค่า 1,786 ล้านบาท (รวม VAT) แน่นอนหลังได้รับหนังสือสั่งจ้างจากการไฟฟ้าภูมิภาคนอกจากนี้ได้สอบถามกับผู้บริหารระบุ วันที่ 1 พ.ย.65 จะเซ็นสัญญางานดังกล่าวกับการไฟฟ้าภูมิภาค และจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/65

สำหรับประมาณการกำไรสุทธิของ ILINK ยังไม่รวมงานนี้ ในกรณี ILINK เซ็นสัญญางานได้ตามกำหนด จะทำให้ธุรกิจ EPC มีมูลค่า Backlog ราว 2,635 ล้านบาท (หักรายได้ที่คาดว่ารับรู้ในไตรมาส 3/65) เพิ่มขึ้น 171% จากสิ้นไตรมาส 3/65 คาดมี Backlog มูลค่ารวม 974 ล้านบาท (ไม่รวม VAT)

ทั้งนี้ยังประเมิน upside จากงานนี้ภายใต้สมมติฐาน 1) ในไตรมาส 4/65 เริ่มรับรู้รายได้ราว 5% ของมูลค่างานไม่รวม VAT ส่วนปี 66-67 คาดว่าจะรับรู้รายได้ 45% / 50% ของมูลค่าคงเหลือ และ 2) คาดมี %Net margin ของงานที่ 10% คาดว่าปี 65 จะมี upside ราว 2% จากกำไรสุทธิ 390 ล้านบาท ส่วนปี 66-67 คาดมี upside ราว +16% / +9% จากกำไรสุทธิ 442 ล้านยบาท และกำไรสุทธิ 457 ล้านบาท ตามลำดับ รวมทั้งประเมินราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีก 1.10 บาท

โดยคงคำแนะนำ Buy สำหรับ ILINK ราคาเป้าหมาย 9.50 บาท โดยมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิหลังรวมงานเกาะเต่า คาดกำไรสุทธิปี 65-67 เติบโตต่อปีราว 12%CAGR เติบโตดีขึ้นเมื่อเทียบกับกรณีไม่รวมเกาะเต่า (คาดกำไรสุทธิเติบโต 9%CAGR) นอกจากนี้ธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ ธุรกิจ Distribution คาดมีผลบวกของการปรับราคาสินค้า, ราคาทองแดงที่ลดลงและสินค้ากลุ่ม Solar cabling เติบโตได้ดี ส่วนธุรกิจ EPC มี %margin งานดีขึ้น ทำให้ %Net margin ของธุรกิจมีแนวโน้มดีขึ้นตามเป้าหมายบริษัท

Back to top button