HPT วิ่ง 3 วันราคาพุ่งกว่า 10% ลุ้นรายได้-กำไรปีนี้นิวไฮ รับกำลังผลิต-ออเดอร์เพิ่ม

HPT บวกต่อเนื่อง 3 วันติดราคาพุ่งกว่า 10% ราคาแตะ 1.19 บ. ลุ้นรายได้-กำไรปี 65 ทำจุดสูงสุดใหม่ หลังกำลังผลิตเพิ่ม 30-40% คำสั่งซื้อทะลัก 130 ลบ. พร้อมรับอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 พ.ย.65) ราคาหุ้นบริษัท โฮม พอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HPT ล่าสุด ณ เวลา 10:36 น. อยู่ที่ระดับ 1.19 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 1.71% สูงสุดที่ระดับ 1.23 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.16 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 58.60 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 3 วันติด นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.08 บาท เมื่อวันที่ 27 ต.ค.65 คิดเป็นการปรับตัวขึ้น 10.19%

โดยนางสาวนิจวรรณ เชาว์กิตติโสภณ กรรมการบริหาร และผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด HPT ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ในงาน mai Forum 2022 มหกรรมรวมพลังงานคน mai ครั้งที่ 7  เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมาว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของปี 2565 จะทำสถิติใหม่สูงสุด (นิวไฮ) ทั้งรายได้รวม และกำไรสุทธิ เมื่อเทียบกับปี 64 ที่มีรายได้รวม 208.25 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15.20 ล้านบาท

ทั้งนี้ผลการดำเนินงานตั้งแต่ไตรมาส 1/65 มาจนถึงไตรมาส 3/65 มีการเติบโตที่ดี และเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากออเดอร์จากลูกค้าเริ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 64 และมาพีกสุดในปี 65 ด้วยออเดอร์สูงสุดกว่า 180 ล้านบาท และรับรู้รายได้มาอย่างต่อเนื่อง โดย  ณ ปัจจุบันมีออเดอร์รวมมากกว่า 130 ล้านบาท ถือว่ายังอยู่ในระดับสูงมาก เมื่อเทียบกับฐานออเดอร์ปกติในอดีต 40 ล้านบาท  ซึ่งออเดอร์ที่สูงขึ้นไม่ได้มีเพียงออเดอร์ที่อั้นมาตั้งแต่ช่วง โควิด-19 เท่านั้น แต่ยังมาจากผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มสโตนแวร์ (Stoneware) ที่พัฒนาในช่วงโควิด-19 มียอดขายสูงขึ้น และการขยายกำลังการผลิต หลังต่อเติมอาคารเครื่องจักร รวมไปถึงยอดขายจาก CHL และออเดอร์ที่เข้ามาใหม่จากคู่แข่งรายย่อยที่ปิดกิจการไปในช่วงโควิด-19 สะท้อนให้เห็นว่าเป็นตัวเลขออเดอร์ที่ไม่วูบวาบ

โดยปัจจุบัน HPT ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 20 ปี เริ่มจากรุ่นแรก ดำเนินธุรกิจต้นน้ำมาต่อเนื่องจนฐานธุรกิจมั่นคง และได้ดำเนินการเข้ามาจนทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ทำให้มีเงินทุนในการขยายธุรกิจเชื่อมโยงธุรกิจต้นน้ำ-ธุรกิจปลายน้ำได้เต็มรูปแบบ กระทั่งมาจนถึงรุ่นเปลี่ยนผ่านรุ่นที่สอง ซึ่งเข้ามาทำแบรนดิ้ง และดีไซน์มากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ในเครือได้มากขึ้น

นอกจากนี้จากออเดอร์ที่สูงขึ้น บริษัทอยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิต หรือขยายเตาเผาเพิ่มอีก 30-40% ของกำลังการผลิตเดิม เพื่อให้เพียงพอต่อออเดอร์ที่มีอยู่ พร้อมทั้งมีขยายตลาด และช่องทางการขยายสินค้าของพันธมิตรให้มียอดขายมากขึ้น ส่วนทาง CHL มุ่งสร้างยอดขาย และขยายตลาดมากขึ้น เนื่องจากค่อนข้างได้รับผลบวกจากออเดอร์ของโรงแรม และร้านอาหาร ที่มีการรีโนเวท และเปลี่ยนเจ้าของบริการใหม่ ภายหลังการเปิดประเทศ ทำให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว

Back to top button