ปิดจ๊อบ! มอเตอร์ เอ็กซ์โป ยอดจองรถยนต์ทะลัก 3.7 หมื่นคัน อานิสงส์ EV คึก ชู 5 หุ้นรับเต็ม

ปิดจ๊อบ! มอเตอร์ เอ็กซ์โป ยอดจองรถยนต์ทะลัก 3.7 หมื่นคัน อานิสงส์ EV คึก โบรกชี้หุ้นชิ้นส่วนยานยนต์-นิคมฯ ชู SAT-WHA-NEX-EA-PTT รับประโยชน์เต็ม


บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(13 ธ.ค.65) ว่า งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป หรือ มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.-12 ธ.ค.65 มียอดจองรถยนต์ในงานรวมทั้งสิ้น 36,679 คัน เพิ่มขึ้น 16% จากงานปีก่อน ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ผู้จัดงานคาดไว้ว่าจะมียอดจองรถยนต์ที่ 37,000 คัน

สำหรับยอดจองรถยนต์ 5 อันดับสูงสุดได้แก่ Toyota จำนวน 6,064 คัน, Honda จำนวน 3,252 คัน, BYD จำนวน 2,714 คัน, Isuzu จำนวน 2,648 คัน, Nissan จำนวน 2,478 คัน

ทั้งนี้บล.ดาโอ มองเป็นบวก จากยอดจองรถยนต์ที่อยู่ในเกณฑ์ดีใกล้เคียงกับผู้จัดงานคาดการณ์ไว้ จากกำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และได้ผลบวกจากยอดจองรถ EV ที่เพิ่มขึ้นมาก จากความนิยมที่มากขึ้น และมาตรการส่งเสริมการใช้รถ EV ซึ่งประเมินยอดจองรถ EV จะคิดเป็นสัดส่วนราว 15-20% จากยอดจองรถโดยรวม (เพิ่มขึ้นจากงาน Motor Show 2022 ช่วงวันที่ 23 มี.ค.-3 เม.ย. มียอดจองรถ EV สัดส่วน 10%) โดยได้ผลบวกจากค่ายรถ BYD ที่มียอดจองรถสูงเป็นอันดับที่ 3

สำหรับภาพรวมยอดจองรถยนต์ที่ดีขึ้นจะทำให้ยอดผลิตรถยนต์ปี 65 จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 1.8 ล้านคัน โต 7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน กลุ่ม Automotive ยังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “Neutral” หุ้น Top pickได้แก่ SAT โดยราคาหุ้นกลุ่ม Automotive ปรับตัวขึ้น outperform SET 6% และ 8% ในช่วง 1 และ 3 เดือน จากยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.ค.-ต.ค.65ที่ฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง

ขณะที่ยอดผลิตรถยนต์เดือน พ.ย.-ธ.ค.65 จะยังดีต่อเนื่องจากยอดจองรถยนต์ในงาน Motor Expo ที่เติบโตดี และสถานการณ์การขาดแคลนชิปที่ดีขึ้น

สำหรับหุ้น top pick ได้แก่ SAT แนะนำนำซื้อราคาเป้าหมาย 24.50 บาท บาท อิง 2023E PER ที่ 10 เท่า (5-yr average PER) โดยกำไรไตรมาส 4/65 จะดีขึ้นเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนโดดเด่น ส่วนปี 66 กำไรจะดีขึ้นเป็น 1.05 พันล้านบาท โต10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้มองเป็นบวกต่อกลุ่มนิคมฯ และผู้ประกอบรถ EV โดยกลุ่มนิคมฯมองเป็นบวกจากยอด presale และ transfer ปี 66-57 ที่จะเพิ่มขึ้นสูง ตามการเร่งการลงทุน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ผู้ประกอบการรถ EV จะต้องมีการผลิตรถ EV ในประเทศ เพื่อชดเชยการนำเข้ารถในอัตรา 1-1.5 เท่า รวมทั้งประเมินว่าผู้ประกอบการ supply chain รถ EV จะเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของรถ EV ในไทยเนื่องจากปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตหลักของรถ EV จีนรายใหญ่อย่าง MG,GWM และ BYD

ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มนิคมฯคงน้ำหนักการลงทุนเป็น“Overweight” และ Top-pick เป็น WHA แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 4.60 บาท นอกจากนั้นมองเป็นบวกต่อบริษัทที่มีการผลิต และมีแผนผลิตรถ EV ในประเทศ ที่จะมีกระแสความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ NEX แนะซื้อราคาเป้าหมาย 24.00 บาท,EA,PTT

Back to top button