K ดีดแรง 14% ลุ้นปี 66 เทิร์นอะราวด์ ซุ่มเจรจางานเพียบ ดันรายได้พุ่ง 780 ลบ.

K เด้งกว่า 14% ลั่นปี 66 “เทิร์นอะราวด์” รายได้พุ่ง 780 ล้านบาท ตุนแบ็กล็อก 250 ล้านบาท พร้อมซุ่มเจรจารับงานอีกเพียบ ส่วนปี 65 มั่นใจรายได้เข้าเป้า 700 ล้านบาท รับแรงหนุนงาน Motor Expo 2022


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 ม.ค.66) ราคาหุ้น บริษัท คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ K เปิดตลาดที่ระดับ 1.51 บาท บวก 0.19 บาท หรือ 14.39% สูงสุดที่ระดับ 1.65 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.36 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 45.52 ล้านบาท

นายวงศกร พิเศษสิทธิ์ ผู้จัดการด้านสื่อสารองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ของ K เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 780 ล้านบาท ซึ่ง ณ ต้นเดือน มกราคม 2566 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) รวมมูลค่า 250 ล้านบาท แบ่งเป็นงาน interior 15% และที่เหลือเป็นงาน E&E (Exhibition & Event) จะทยอยรับรู้ในปี 2566 เกือบทั้งหมด

โดยสัดส่วนรายได้ในปี 2566 มาจาก 2 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ กลุ่มงาน Interiors ประมาณ 15-20% ของรายได้รวม ส่วนที่เหลือจะมาจากกลุ่มงาน Exhibition (เอ็กซิบิชั่น) และงาน Event (อีเวนต์) โดยล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้ารับงาน Exhibition ประเภท Pop-Up Store ในกลุ่มแบรนด์ลักซ์ชัวรี่รายใหญ่ (งานออกร้านต่าง ๆ ที่จะจัดในช่วงเวลาสั้น ๆ เป็นพื้นที่ให้แบรนด์นำเสนอความโดดเด่นในแบบของตัวเอง) จำนวน 3-4 แบรนด์ดัง คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงต้นปี 2566

ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัทเชื่อว่าจะยังคงเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้ และจะสามารถเทิร์นอะราวด์ (Turnaround) ได้อย่างแน่นอน หลังจากในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างในส่วนของงานตกแต่งภายใน (Interiors) ให้สอดรับกับภาวะตลาดในปัจจุบัน ประกอบกับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจประเทศไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น จากงาน Motor Expo 2022 ซึ่งบริษัทมีรายได้จากการจัดงาน มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 120 ล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้ในไตรมาส 4/2565 ทั้งหมด

นอกจากนี้ ในช่วงเดือน มีนาคม 2566 จะมางานใหญ่ อย่างงาน Motor Show โดยเบื้องต้นได้วางเป้าหมายจะมีรายได้จากงานดังกล่าว ประมาณ 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วงานใหญ่ อย่าง Motor Expo และงาน Motor Show บริษัทจะมีรายได้เฉลี่ยที่ประมาณ 100-120 ล้านบาทต่องาน ซึ่งหากรวมทั้ง 2 งาน จะส่งผลให้บริษัทมีรายได้เข้ามาประมาณ 240 ล้านบาทต่อปี ดังนั้น ในปี 2566 บริษัทจึงเชื่อว่าจากเศรษฐกิจที่กลับมาดีขึ้น จะทำให้แบรนด์ต่าง ๆ กลับมาจัดงาน Event แบบคึกคัก

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทเชื่อว่าจะมีแนวโน้มเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น โดยบริษัทได้วางเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่กว่า 700 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนรายได้จะมาจากกลุ่มงาน Exhibition (เอ็กซิบิชั่น) และงาน Event (อีเวนต์) ประมาณ 500-600 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากกลุ่มงานออกแบบและตกแต่ง (Interior)

Back to top button